@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 10/3 วันที่ 11 ม.ค. 56

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 10/3 วันที่ 11 ม.ค. 56

“ชั้นรู้มาตลอดว่าแกแอบรักพี่ยุทธ ชั้นพยายามที่จะไม่คิดอะไรแล้ว แต่มันก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคืออย่าเจอกันดีกว่า” นิคบอก
เอวายิ้มน้อยๆ แล้วทำเป็นร่าเริงกลบเกลื่อน “พี่ยุทธรักซันขนาดนี้ เอวายอมแพ้เลย เดี๋ยวเอวาจะยุให้ซันมันตาสว่างมองมาทางนี้ซะที”
นิคมองเอวาแล้วก็แค่นยิ้มก่อนจะถอนใจ เอวาเหลือบมองนิคแต่ทำเป็นไม่สนใจ
“ขอบคุณเอวามากนะ ที่ให้กำลังใจพี่มาตลอด เอวาเป็นน้องสาวที่น่ารักที่สุดเลยรู้มั้ย” ยุทธการบอก
“งั้นน้องสาวที่น่ารักก็อยากให้พี่ชายที่แสนดีสมหวัง เอวาจะช่วยเชียร์พี่ยุทธเต็มที่เลยค่ะ”
นิคร้องออกมา “เฮ้อออ...”

ยุทธการกับเอวาหันมามองนิค
“เป็นอะไรนิค” ยุทธการถาม
“อาหารมันเผ็ดน่ะครับ เผ็ดจนน้ำตาจะไหลเลย”
เอวามองเขม่นนิคเพราะรู้ว่าโดนกัด “อยากลองกินแบบเผ็ดจนปากเจ่อด้วยมั้ยล่ะ”
นิคยิ้มๆ แต่ทำเป็นไม่สนใจก่อนจะกินต่อไป เอวามองค้อน ยุทธการมองทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจ



เอวาเล่นเกมกับนิคอย่างเมามันอยู่ที่เกมเซนเตอร์ สุดท้ายเอวาก็ชนะ
“เย้”
“เหนื่อยมั้ย” นิคถาม ซึ่งเขาหมายถึงเรื่องยุทธการ
เอวาเข้าใจคำถามนิค “เหนื่อยเหมือนกัน”
“แล้วทำแบบนี้ทำไม”
เอวาถอนใจ “แล้วจะให้ชั้นร้องไห้ต่อหน้าเค้าหรือไงล่ะ”
“ไม่ถึงกับต้องร้องไห้ แต่ไม่ต้องเฟคไปอวยเค้าให้ไอ้ซันขนาดนั้น ปากน่ะยินดี แต่ใจนี่สิ จะร้าวอีกกี่รอบ”
“รู้ ชั้นก็ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย แล้วมันก็เหมือนไม่ซื่อสัตย์กับซันด้วย”
“ใครจะไปชอบความรู้สึกรักคนที่เขาไม่ได้รักวะ”
เอวายิ้มเจื่อนๆ

เอวากับนิคเข้ามาในห้องทำงานที่โรงเรียน เอวาวางกระเป๋าก่อนจะทิ้งตัวนั่งอย่างเหนื่อยใจ
“เฮ้ย ไม่เอาน่า เมื่อกี๊ยังเล่นเกมหนุกหนานอยู่เลย” นิคว่า
“แกรู้ว่าชั้นไม่ได้สนุกจริงๆไม่ใช่เหรอ มาทำร่าเริง เดี๋ยวก็หาว่าเฟคอีก จะเอาไงกันแน่”
“แต่พักนี้แกเซ็งห่อยบ่อยเกินไปแล้ว เหมือนไม่ใช่เอวาคนเดิม”
“อ้าว ชั้นเป็นคนนะเว้ย ไม่ใช่ตัวละครแบนๆ มีสุขมีเศร้ามันก็ธรรมดา เมื่อวานเพิ่งอกหัก วันนี้ให้หายเลยรึไง”
นิคขำเอวา “เออๆ เข้าใจ ชั้นก็แค่เป็นห่วงแก ไม่อยากให้เศร้านาน ช่วงนี้แกอยากจะผีเข้าผีออก ก็เป็นไปเถอะ ชั้นรับได้”
เอวามองตานิคเหมือนจะมองให้ทะลุไปถึงหัวใจ เอวายิ้ม นิคแอบหวั่นไหวแต่ทำกลบเกลื่อน
“อะไร มองงี้ สยองว่ะ”
“ถ้าใครได้แกเป็นแฟนนี่โชคดีค่อดๆ อยากได้แฟนแบบแกว่ะ” เอวาแกล้งเข้าไปกอดแขนนิค “นิคจ๋า ตัวเองรักเค้ามั้ย”
นิคอึ้งแต่ก็ทำเป็นจิ้มหน้าผากเอวาแล้วยันออกไป “แกไม่อยากได้แฟนแบบชั้นหรอก เพราะแกอยากเป็นแฟนพี่ยุทธต่างหาก” นิคลุกขึ้น “เดี๋ยวชั้นจะออกไปทำธุระหน่อย แกก็เตรียมตัวสอนได้แล้ว นัดชดเชยนักเรียนไว้ไม่ใช่เหรอ” นิคเดินออกไป
เอวายิ้มเศร้าๆ

นิคยืนพิงประตูแล้วก็ครุ่นคิด เขาตัดสินใจโทรไปหาโปรดิวเซอร์
“ครับพี่ พาสปอร์ตได้แล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะเอาไปให้”
นิควางสายแล้วหยิบพาสปอร์ตมาเปิดดู เขาหันมองไปทางห้องเอวาด้วยสีหน้าหนักใจ

นิคส่งพาสปอร์ตให้โปรดิวเซอร์ โปรดิวเซอร์หยิบมาเปิดดู
“โอเค เรียบร้อย ไม่มีปัญหา งั้นนิคก็เตรียมตัวได้เลย”
“เอ่อ พี่ครับ ถ้าผมอยากจะพาเอวาไปด้วยได้ไหม”
โปรดิวเซอร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “อืม..จริงๆมือกลองเราไม่ได้ขาดนะ แต่เอวาก็เล่นเข้าท่าอยู่เหมือนกัน เอางี้ ให้เอวามาคุยกันก่อนได้ไหม”
“ขอบคุณพี่มากนะครับที่ให้โอกาสเอวา”
นิคคิดอะไรบางอย่าง

นิคนั่งรอยุทธการอยู่ที่ล็อบบี้ปปส. ครู่หนึ่งยุทธการก็เดินเข้ามา
“ไงนิค มีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า มาหาพี่ถึงนี่”
นิคเปิดประเด็นทันที “พี่ยุทธครับ ถ้าซันไม่ชอบพี่ พี่ก็ควรจะมองคนอื่นบ้างนะครับ”
ยุทธการ งง “นิคมาหาพี่เรื่องนี้เหรอ”
“ครับ เรื่องนี้โดยเฉพาะ”
ยุทธการยังงง และอึ้งอยู่ “ทำไมเมื่อตอนกินข้าว นิคไม่ถามพี่ซะเลยล่ะ”
“ผมยังไม่แน่ใจครับ ว่าจะทำอย่างนี้ดีมั้ย แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมต้องพูดแล้วล่ะครับ”
ยุทธการ คิด แล้วตอบคำถามนิค “พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก”
“แต่มีคนๆหนึ่งที่เขารักพี่ยุทธมาก แล้วเขาก็ดีไม่แพ้ซันด้วย” นิคบอก
ยุทธการ แปลกใจ “ใครเหรอ”
“เอวาครับ”
ยุทธการ อึ้ง “เอวาเหรอ?”
“ครับ มันชอบพี่ตั้งแต่อยู่มหาลัยแล้วล่ะครับ มันมีความสุขทุกครั้ง เวลาพี่ดีกับมัน โทรหามัน ชวนมันไปไหนต่อไหน ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าพี่รักซัน แต่ตอนนี้มันร้องไห้มากกว่าหัวเราะอีกครับ”
“แต่พี่..คิดกับเอวาแค่น้องสาว”
“ผมขอร้องนะพี่ ให้พี่เปิดใจมองเอวาบ้าง”
ยุทธการนิ่งคิดไปครู่หนึ่งแล้วตอบนิค “ถ้าให้นิครักกับคนที่มองว่าเป็นน้องสาวมาตลอด นิคจะทำได้เหรอ ความรักน่ะ มันจะเอาคนนั้นมาแทนคนนี้ไม่ได้ รักใครก็รักคนนั้น”
นิคทั้งอึ้งทั้งหนักใจ

เมฆมารอรับหมอกที่หน้าโรงเรียน หมอกเดินกอดลูกฟุตบอลมาหาเมฆด้วยหน้าตาเบื่อๆ
“กลับบ้านเถอะคับพ่อ หมอกไม่อยากเล่นแล้ว”
“ไม่สบายหรือเปล่าลูก ทุกทีต้องขอพ่อเล่นกับเพื่อนครึ่งชั่วโมงก่อนกลับนี่”
“พี่ซันไม่อยู่เล่นอะไรก็ไม่สนุก แม่ก็ไม่ค่อยเล่น พี่เก่งก็เอาแต่นอน พ่อก็อยู่แต่ห้องทำงาน”
เมฆสงสารลูก เขานิ่งคิดแล้วก็ยิ้มออกมา
“งั้นเราไปเที่ยวกันสองคนพ่อลูกมั้ย”
หมอกกระโดดดีใจ “ดีคับ พ่อจะพาหมอกไปเที่ยวไหน”
เมฆยิ้ม

เมฆบรรเลงคีย์บอร์ดอย่างเมามันเหมือนปลดปล่อยเต็มที่อยู่บนเวทีในผับ นิคกับเอวามองอึ้งๆ ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเล่นให้เข้ากับเมฆด้วยความสนุกสนาน เสียงปรบมือชอบใจ และเสียงกรี๊ดจากแขกดังสนั่นร้าน เมฆ เอวา นิคเล่นมาถึงท่อนจบ แล้วทั้งสามก็โค้งให้คนดู เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีก ทั้งสามยิ้มอย่างมีความสุข

เมฆเก็บของด้วยท่าทางมีความสุขอยู่ในห้องพัก เอวากับนิคนั่งพักและคุยถึงเพลงเมื่อสักครู่อย่างชอบใจ
“นานๆจะเห็นพี่เมฆปล่อยของซักที มันส์สุดๆเลยพี่” นิคชม
“ท่าทางพี่เมฆจะแฮ็ปปี้สุดๆเลยนะเนี่ย มีข่าวดีอะไรหรือเปล่า” เอวาถาม
“มี พี่จะไม่อยู่สักพักนะ เดี๋ยวให้พี่จอมมาแทน พี่จะพาหมอกไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด” เมฆบอก
“ไปไหนพี่”
เมฆยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร
“เจอกัน” เมฆเดินออกไป
“มีลับลมคมนัยนะเนี่ยพี่เรา”
“ไปกันหมด ไอ้ซันก็ไป พี่เมฆก็ไป เดี๋ยวแกก็ไปอีกคน” เอวาตัดพ้อ
“แกก็ไปกับชั้นสิ”
“ว่าไงนะ”
“เอวา วันนี้ชั้นไปคุยกับพี่ยุทธมา ชั้นอยากให้แกตัดใจจากพี่ยุทธให้ได้ แล้วไปเมืองนอกกับชั้น ชั้นจะจัดการทุกอย่างให้”
เอวาตกใจ “เฮ้ย ทำไมแกทำอย่างนี้วะ ชั้นอุตส่าห์ไว้ใจแก บอกแกทุกเรื่อง แต่แกกลับไปบอกพี่ยุทธ ทำไมแกต้องหักหลังชั้นอย่างนี้ ชั้นจะรักใครมันก็เรื่องชั้น”
นิคโมโหเลยโพล่งออกไป “แต่เขาไม่มีทางรักแก”
เอวาอึ้งไป
“ชั้นบอกเค้าว่าแกรักเค้า แต่พี่เค้าบอกว่าไม่มีวันที่เค้าจะมองคนอื่น โดยเฉพาะแก คนที่เค้าเห็นเป็นน้องสาว แกจะทรมานตัวเองต่อไปทำไม”
“แกไม่ต้องมายุ่งเรื่องของชั้นอีก แล้วชั้นก็ไม่คิดที่จะไปเมืองนอกกับแกด้วย ชั้นไม่เข้าใจเลย ว่าแกจะวุ่นวายกับเรื่องของชั้นไปทำไม”
“เพราะชั้นรักแกไง”
เอวาตกใจ
“ชั้นขอโทษ ที่รักแก”
เอวายังอึ้งอยู่ แล้วเธอก็พยายามทำความเข้าใจ “ชั้นเข้าใจแล้วล่ะว่าพี่ยุทธรู้สึกยังไงกับชั้น เพราะชั้นก็ไม่รู้สึกกับแกแบบนั้น”
แล้วเอวาก็เดินจากไป นิคได้แต่ยืนเศร้าอยู่ตรงนั้น

วันต่อมา อ้อนั่งเช็คบุ๊คกิ้ง VIP แล้วก็ขมวดคิ้ว สีหน้าของเธอดูเหมือนมีเรื่องยุ่งยาก เกริกไกรเดินมาเห็นจึงเข้าไปถาม
“มีปัญหาอะไรเหรออ้อ”
“Travel T มีบุ๊คกิ้งแปลกๆมาอีกแล้วน่ะสิคะ คราวก่อนก็คุณฌอน ขอเหมาทั้งวิลล่า นี่ก็มี VIP มาอีกแล้ว แถมยังขอเป็น Confidential ไม่ลงชื่อแขกที่เข้าพักด้วย”
“แล้วมันมีปัญหาตรงไหนล่ะ”
“เค้าขอให้คุณซันมาต้อนรับเท่านั้นค่ะ”
เกริกไกรมีสีหน้าแปลกใจเหมือนกัน

ตะวันฉายโวยวายใส่พ่อกับแม่
“ไม่เอาอ่ะพ่อ นี่มันยังไม่ใช่เวลาทำงานเลยนะ แล้วตอนนี้ซันก็กำลังอินกะนิยายอยู่ด้วย”
สายรุ้งยื่นหน้ามองจอคอมพิวเตอร์ “อินยังไง เขียนไปสี่บรรทัดเอง”
ตะวันฉายรีบปิดฝาคอมพิวเตอร์ “ก็...ก็...อินคือมันยังอยู่ข้างในไง ยังไม่ out แหม แม่อ่ะ”
เกริกไกรกับสายรุ้งมองหน้ากันแล้วก็ส่ายหน้า
“ไปรับแค่วีไอพีที่เขาระบุเอง มันไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่” เกริกไกรบอก
“ต้องไปอัญเชิญมาจากท่าเรือเลยเหรอคะเนี่ย”
“น่า นะลูก พอพาแขกมาถึงโรงแรมแล้ว ซันจะไปเขียนนิยายต่อพ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
ตะวันฉายทำหน้าเซ็ง “แขกคนไหนที่บังอาจประทับใจบริการของซันคะเนี่ย เพราะขนาดซันเองยังเคยคิดเลยว่าถ้าเจอคนแบบซันมาบริการ ซันคงเผาโรงแรมทิ้งแน่ๆ”
“แขกจากTravel T เค้าไม่ระบุชื่อ”
ตะวันฉายได้ยินก็อึ้งและใจไม่ดี

อ้อกำลังทำงานอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์ สักครู่ตะวันฉายก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“แขกทราเวล ทีมาถึงหรือยังคะ”
“อ้าว พี่ก็นึกว่าคุณซันออกไปแล้วซะอีก” อ้อดูเวลา “ตายๆ ป่านนี้รอแกร่วอยู่ที่ท่าเรือแล้วล่ะค่ะ”
“โอเค ซันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ อย่าฟ้องพ่อแม่นะ” ตะวันฉายวิ่งออกไปทันที
อ้อมองตามแล้วก็ถอนใจ “ทราเวล ที อีกแล้วนะคุณซัน สังหรณ์ใจยังไงไม่รู้”

ตะวันฉายขับรถมาจอดที่ท่าเรือเกาะกุลัน แล้วรีบลงจากรถ แต่จู่ๆ ก็มีคนมาเปิดประตูรถฝั่งคนนั่ง พร้อมกับโยนกระเป๋าขึ้นรถพอดี ตะวันฉายตกใจจึงเดินไปโวยวาย
“เฮ้ย อะไรเนี่ย มาเปิดรถชั้นทำไม ขึ้นผิดคันแล้ว”
เมฆหันมายิ้มกริ่มให้ตะวันฉาย ตะวันฉายช็อคจนตาค้าง
“คุณ...”
“ยังจำกันได้ใช่มั้ย คุณตะ วัน ฉาย” เมฆถาม
เสียงหมอกดังขึ้น “สวัสดีคับ”
ตะวันฉายค่อยๆกวาดตาลงไปมองก็เห็นหมอกยืนยิ้มแฉ่งให้อยู่
ตะวันฉายยิ่งอึ้ง “เอ่อ..ส..สวัสดีคับ”
หมอกมองตะวันฉายแล้วคิด
“มารับช้านะ ทำงานอย่างคุณ ผมก็นึกว่าโดนไล่ออกไปตั้งนานแล้วซะอีก ไม่คิดว่าจะยังอยู่นะเนี่ย” เมฆว่า
“ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษค่ะ?? นี่ใช่ผู้จัดการขาเหวี่ยงคนเดิมรึเปล่าเนี่ย คุณตะวันฉายเขาต้องไม่ยอมรับผิด ไม่มีมารยาท ไม่รับผิดชอบ พูดจามะนาวไม่มีน้ำ...”
ตะวันฉายชักจะทนไม่ไหวจึงจะด่ากลับ “นี่ไอ้.. “
หมอกโพล่งออกมา “พี่ซัน!”
ตะวันฉายตกใจ เธอมองหมอกที่กำลังชี้มาที่เธอ
“พี่หน้าเหมือนพี่ซันเลย แต่พี่ซันเค้าเป็นผู้ชาย” หมอกบอก
“พี่....เอ่อ...”
“แต่พ่อว่าไม่เหมือนหรอก พี่ซันเขาผอมๆ แห้งๆ แต่นี่” เมฆแกล้งมองรูปร่างตะวันฉาย “อื้อหือ”
ตะวันฉายทั้งโกรธทั้งอาย “คุณ! คุณไม่มีสิทธิ์มามองชั้นอย่างนี้นะ”
“ดุชะมัด ก็แค่จะบอกว่า อื้อหือ สวยนะเนี่ย”
ตะวันฉายเหวอ เธอเขินจนพูดอะไรไม่ออก
“แต่ใจร้าย” เมฆพูดต่อ
“นี่คุณ รีบๆขึ้นรถเลย ชั้นมีอย่างอื่นต้องรีบไปทำอีก” ตะวันฉายรีบเดินไปขึ้นรถ
เมฆแอบขำ

เมื่อมาถึงรีสอร์ต เมฆไหว้เกริกไกรกับสายรุ้ง ทั้งสองรับไหว้อย่างยินดี
“สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าจะเป็นคุณเมฆมาพักเองนะคะเนี่ย ยินดีต้อนรับนะคะ” สายรุ้งนั่งลงคุยกับหมอก “แล้วคนนี้ล่ะ ใครเอ่ย”
หมอกไหว้สายรุ้ง “สวัสดีคับ ชื่อหมอกคับ” หมอกไหว้เกริกไกรกับอ้อ
“ลูกชายผมเองครับ” เมฆบอก

“มารยาทดีซะด้วย คุณเมฆนี่สอนลูกดีนะครับ” เกริกไกรชม
“มา ขอแม่อุ้มหน่อยลูก” อ้อพูด
ทุกคนทำหน้าเหวอ อ้อหัวเราะ
“ล้อเล่นค่า”อ้อพูดกับหมอก “นั่งเรือมาสนุกมั้ยครับ”
“สนุกครับ” หมอกตอบ
ตะวันฉายยืนหน้าเจื่อนอยู่ข้างๆเกริกไกร
ตะวันฉายกระซิบถาม “พ่อ ซันไปได้ยัง”
เกริกไกรพยักหน้า “ไปเถอะ”
ตะวันฉายกำลังจะเดินไป แต่เมฆเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนครับ” เมฆพูดกับเกริกไกรและสายรุ้ง “วันนี้พนักงานของคุณมารับช้า ลำพังผมน่ะรอได้ แต่ลูกผมต้องมารอด้วยตั้งนาน อากาศก็ร้อน ถ้าเด็กเกิดเป็นลมชักขึ้นมาจะทำยังไง”
“นี่คุณ จะเอาไงอีก ชั้นก็ขอโทษไปแล้วไง” ตะวันฉายโวย
เกริกไกรรีบรั้งแขนลูกสาวไว้
“ตะวันฉาย”
อ้อกุมขมับ “เอาแล้วไง”
สายรุ้งกระซิบกระซาบกับอ้อ “ไหนเธอบอกชั้นว่าทุกอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาไง นี่สมรู้ร่วมคิดกันเหรอ”
อ้อตอบอ้อมแอ้ม “ก็..ก็คุณซันไม่ให้บอก”
เมฆยังแกล้งตะวันฉายต่อโดยการพูดกับเกริกไกร “เพราะฉะนั้น ผมขอแบบเดิมนะครับ”
“แบบเดิม??” เกริกไกรทวนคำ
“ให้คุณตะวันฉายมาเป็นบัทเล่อร์ ดูแลผมกับลูกตลอด 24 ชั่วโมง”
“หา! มากไปมั้ง” ตะวันฉายตกใจ
“เอ่อ ผมว่าลดโทษลงกึ่งหนึ่งได้มั้ยครับ คราวก่อนผู้จัดการบกพร่องต่อหน้าที่ไปเยอะ สมควรแก่การลงโทษ แต่ครั้งนี้ แค่มารับสายไปนิดหน่อย เอาแค่ครึ่งวัน 6โมงเช้า ถึง6โมงเย็นก็พอนะครับ”
“โห ก็ยังเยอะอยู่ดีอ่ะ” ตะวันฉายบ่น
เกริกไกรทำหน้าปรามตะวันฉาย ตะวันฉายหน้างอ
เมฆยอมรับ “ก็ได้ครับ”
ตะวันฉายหันไปทำหน้าเศร้ากับเกริกไกร สายรุ้ง แล้วก็ส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าไม่เอานะ สายรุ้ง กับเกริกไกรถอนหายใจเพราะช่วยได้แค่นี้

ตะวันฉายยกกะเป๋าของเมฆกับหมอกเข้ามาในบ้านพักก่อนจะวางกระแทกลงบนพื้นด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
“นี่คุณ ทำดีๆหน่อย” เมฆว่า
“พี่คนนี้ไม่เหมือนพี่ซันจริงๆด้วยคับ พี่ซันใจดีกว่านี้” หมอกบอก
ตะวันฉายอึ้ง เธอทำหน้าละห้อยเพราะรู้สึกผิดกับหมอก
เมฆพูดกับหมอก “เดี๋ยวเราเก็บของแล้วลงไปเล่นน้ำกันนะ”
หมอกดีใจ “คับพ่อ”
เมฆพูดกับตะวันฉาย “อย่าลืมตามมาบริการนะจ๊ะหนู”
ตะวันฉายทำหน้าเจ็บใจ

เมฆเล่นน้ำทะเลกับหมอกอย่างสนุกสนาน ตะวันฉายกางเก้าอี้ผ้าใบ กางร่ม จัดโต๊ะ และเตรียมเครื่องดื่ม ฯลฯ อยู่
ตะวันฉายเตรียมของเสร็จแล้วก็มีสีหน้าสบายใจขึ้น เธอจะล้มตัวลงนั่งรอที่เก้าอี้แต่เมฆกับหมอกก็ขึ้นมาลากตะวันฉายไปลงน้ำทะเล ตะวันฉายร้องลั่น แล้วเธอก็โดนสองพ่อลูกแกล้ง
เวลาผ่านไป ตะวันฉายต้องมาเตะฟุตบอลชายหาดกับเมฆและหมอก เธอเล่นจนลิ้นห้อยเพราะตามสองพ่อลูกไม่ทัน
ตะวันฉายพาสองพ่อลูกไปขี่ช้างที่คลองพร้าว หมอกสนุกสนานมาก ตะวันฉายมองแล้วก็เผลอยิ้ม เมฆก็มีความสุขที่เห็นหมอกมีความสุข เขามองตะวันฉายที่กำลังเล่นกับหมอกด้วยความประทับใจ
พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เมฆ หมอก และตะวันฉายนั่งอยู่บนรถสองแถวที่แล่นกลับที่พัก เมฆโอบหมอกที่หลับอยู่ ส่วนตะวันฉายนั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับมองดูหมอก พอละสายสายตาจากหมอก ก็เห็นว่าเมฆมองเธอพร้อมกับยิ้มให้ทำเอาตะวันฉายเขินจนต้องรีบหลบตา แล้วหันไปมองดูวิวเพื่อกลบเกลื่อน เมฆมองตะวันฉายที่นั่งผมปลิวพลิ้วไปตามลมอย่างไม่วางตา

เมฆอุ้มหมอกที่ยังหลับอยู่เดินเข้าบ้านพัก โดยมีตะวันฉายเดินตามมาอย่างเหนื่อยล้า
“ส่งแค่นี้นะ” ตะวันฉายบอก
เมฆยังไม่อยากให้ไป “อ้าว หมดเวลาแล้วเหรอ”
“6 โมงกว่าแล้ว เป็นอัน เลิกทาส ไปล่ะ” ตะวันฉายหันหลังจะเดินไป
เมฆจะเรียกตะวันฉายแต่ก็ลังเล เขาเลยปล่อยให้ตะวันฉายเดินจากไป

ตะวันฉายนั่งลงที่โต๊ะทำงานนอกห้องด้วยความเหนื่อย เธอเปิดคอมพิวเตอร์จะทำงาน แต่เมฆเข้ามาหาเธอ
“หิวอ่ะ” เมฆบอก
ตะวันฉายกลอกตาด้วยความเซ็ง “กระเพาะคุณ ไม่เกี่ยวกับชั้น”
“ไม่หิวเหรอ ไปกินข้าวด้วยกันนะ”
“ไม่ไป จะทำงาน” ตะวันฉายบอก
เมฆชะเง้อดูคอมพิวเตอร์ตะวันฉาย
“ทำงาน ทำอะไรน่ะ เอ๊ะ เขียนนิยายหรือเปล่า”
ตะวันฉายรีบบังคอมพิวเตอร์ไว้ “ชั้นจะทำอะไรก็เรื่องของชั้น คุณไปได้แล้ว”
เมฆแกล้งชะเง้อมองอีก “อุ๊ย โน้ตบุ๊คก็คุ้นๆนะ เหมือนของพี่เลี้ยงคนเก่าหมอกเลย ไหนขอดูหน่อยสิ”
ตะวันฉายปัดป้อง “ไม่ต้องดูหรอกน่า ใครเขาก็มีโน้ตบุ๊คอย่างนี้ได้ทั้งนั้นแหละ”
“อือๆ จริงด้วยเนอะ เอ๊ะ แล้วคุณกำลังเขียนเรื่องอะไรอยู่เหรอ พี่เลี้ยงหมอกเขาเขียนเรื่อง Angel’s Garden ผมเคยอ่านด้วยนะ เน่ามาก”
ตะวันฉายโวยทันที “เน่าแล้วอ่านทำไมล่ะ วิเคราะห์ ตีความเป็นหรือเปล่าเหอะ มาวิจารณ์งานคนอื่นน่ะ”
“อ้าว ทำไมต้องโวยวายด้วยล่ะ ทำอย่างกับเขียนเองงั้นแหละ”
ตะวันฉายอึ้ง “ก็..พูดอย่างเข้าใจคืนอื่นน่ะ”
เมฆยิ้มๆ “เหรอ เอ้าๆ คุณทำงานของคุณไปเถอะ ผมจะไปหาข้าวกินละ” เมฆเดินออกไป
ตะวันฉายถอนใจ “อยากจะเปลี่ยนเป็นเรื่อง “เขย่าขวัญตะวันฉาย” จริงๆเลย”

ทันใดนั้นเมฆก็เดินมาหาอีก
“นี่ ผมลืมไป ผมยังไม่ได้บอกอะไรไปอีกอย่าง”
“อะไรอีกล่ะ”
“ตอนกลางคืน ผมอยากให้คุณ..มานอนที่บ้านพักผมด้วย”
ตะวันฉายตกใจ “หา! จะบ้าเหรอ คุณตกลงไว้ที่ 6 โมงนะ ชั้นไม่อยู่ด้วยหรอก”
เมฆทำหน้าเศร้า “ใจร้าย แค่จะให้มาช่วยดูแลลูกผมแค่เนี้ยก็ไม่ได้”
ตะวันฉายมีน้ำเสียงอ่อนลง “ก็...ก็มันผิดกฎอ่ะ”
“ก็เปลี่ยนกฎซะสิ” เมฆเดินผิวปากไปอย่างสบายอารมณ์
“โอ๊ยย..สุดจะทนแล้วนะ....” ตะวันฉายบ่น

เกริกไกรนั่งคุยกับสายรุ้งด้วยท่าทางไม่พอใจ
“พ่อก็รับไม่ได้เหมือนกัน ใช้งานซันบ้างพ่อก็พอทำใจได้ แต่นี่ต้องให้ไปเป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกตัวเองอีก แถมยังให้อยู่ด้วยทั้งคืน มันเกินไปแล้ว”
“นี่เขาเห็นคนของเราเป็นอะไร ไม่คิดเลยว่าคุณเมฆจะดูถูกกันอย่างนี้ ยัยซันก็คน ให้เขาจิกใช้อยู่ได้ยังไง ทุกทีเคยยอมใครซะที่ไหน พ่อ แม่จะไปคุยกับคุณเมฆซะหน่อย เสียลูกค้าก็ยอมล่ะคราวนี้” สายรุ้งจะเดินไป
เกริกไกรคิดแล้วห้าม “เดี๋ยวๆๆแม่ เมื่อกี๊แม่ว่าซันมันยอมคุณเมฆเหรอ”

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 10/3 วันที่ 11 ม.ค. 56

ตะวันฉายในม่านเมฆ บทประพันธ์โดย ภาวิน
ตะวันฉายในม่านเมฆ บทโทรทัศน์โดย
กฤษณ์ มงคลเกษม,พิมพ์พชา รุ่งประพันธ์,วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ตะวันฉายในม่านเมฆ กำกับการแสดงโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ตะวันฉายในม่านเมฆ ดำเนินการผลิต ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช
ตะวันฉายในม่านเมฆ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่มา manager