@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 10/6 วันที่ 20 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 10/6 วันที่ 20 ม.ค. 56

แน่นด้วยสัญชาตญาณ ทั้งสองคนยิ่งอยู่แนบชิดกันมากกว่าเดิม หน้าผากของสุอาภาชนกับแก้มของพิทยาอย่างไม่ตั้งใจ … สุอาภาจะลุกขึ้น
“เดี๋ยวครับ”
เขาเอามือมารั้งศีรษะของสุอาภาแนบแก้มเขาเอาไว้เบาๆ
สุอาภาขืนตัวไว้แบบเขินๆ ใจเต้นแรง
“ไข้ลดลงแล้ว”
พิทยากอดสุอาภานิ่งไว้ครู่หนึ่ง สุอาภาเงยหน้าขึ้นสบตา พิทยาจ้องสุอาภาอย่างเผลอไผลจะจูบ
สุอาภาเคลิ้มไปตามอารมณ์ จังหวะที่ปากจะแตะกัน สุอาภาก็หงายหลังตกโซฟาไปจริงๆ
“โอ๊ย”

พิทยาตกใจ
“คุณแต!เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
พิทยารีบลุกตามจะเข้าไปประคอง
“ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นอะไร”
พิทยาชะงัก สุอาภาเก๊กหน้านิ่ง ยันตัวลุกแต่เอามือกุมสะโพกไว้ … เขาเองก็เก๊กหน้านิ่ง พยายามไม่หลุดเขิน
“ผมขอโทษ แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้เป็นอะไร”



“แน่ใจ...งั้น ฉันไปอาบน้ำก่อนละกัน”
พิทยาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ สุอาภารีบหันหลังเดิน แต่ก็เจ็บสะโพกจนต้องร้องโอ๊ยออกมา
พิทยาจะเข้าไปประคอง
“คุณแต”
สุอาภาหันมาโบกมือปฏิเสธ
“ไม่ต้องๆ ฉันไหว”
พิทยาหยุดยืนนิ่ง สุอาภาพยายามเดินให้เป็นปกติออกไปแล้วก็ยิ้มกว้างออกมาแบบเขินมาก พิทยามองตามแล้วแอบยิ้มออกมาเหมือนกัน

ในเวลาต่อมา พิทยาเอางานออกมานั่งทำตรงโต๊ะในห้องรับแขก พิทยานั่งทำงานต่ออย่างอารมณ์ดี
สุอาภาเดินถือถาดอาหารเช้าเข้ามาเป็นพวกไข่ดาว ไส้กรอก แฮม ขนมปัง
“อาหารพร้อมแล้ว”
พิทยามัวสนใจอยู่กับงาน
“คุณแตกินก่อนเลยครับ ผมยังไม่หิว”
“ไม่หิวไม่ได้ นายต้องกินข้าว แล้วก็กินยาตามเวลา”
“แต่ผมดีขึ้นแล้วนะคุณแต”
“ถึงจะดีขึ้นยังไงก็ต้องกินยาตามที่หมอสั่งให้ครบ”
- พิทยายังคงนั่งทำงานต่อไม่สนใจ สุอาภาหน้างอ มองอย่างอยากจะเอาชนะ
“พิท”
พิทยามัวสนใจอยู่กับงานไม่ยอมหันมา
“ครับ”
สุอาภาเริ่มเสียงดังขึ้น
“พิท!”
พิทยาสนใจอยู่กับงานไม่ยอมหันมา
“ครับ”
“ครับ แล้วก็หันมาสิ!”
พิทยาถอนหายใจ ยอมหันกลับมา
“ผมกำลังทำงานอยู่นะครับ คุณต...(คุณแต)”
สุอาภาเอาแฮมยัดใส่ปากพิทยาแบบไม่ทันตั้งตัว … พิทยาชะงักแฮมคาปาก สุอาภาหัวเราะพลางทำหน้าประมาณว่าในที่สุดนายก็ต้องกิน …พิทยาหน้านิ่ง อาศัยจังหวะสุอาภาเผลอเอาแฮมยัดใส่ปากสุอาภาอย่างรวดเร็ว
สุอาภาหน้าเหวอ พิทยาขำ … ทั้งสองคนเปิดฉากแข่งเอาอาหารป้อนกันอย่างขำๆ ทั้งไข่ดาว ไส้กรอก วิ่งไล่กันไปมา เสียงหัวเราะลั่นบ้าน ... พิทยาหยิบขนมปังแผ่นขึ้นมา เธอทำตาโตหน้าเหวอ เขายิ้มเจ้าเล่ห์วิ่งเข้าหา เธอร้องห้าม รีบวิ่งหลบแต่ไม่ทัน เขาเอาขนมปังยัดใส่ปากเธอได้ทันพอดี
สุอาภาโมโหหันมาจะแก้แค้นทั้งขนมปังที่คาอยู่ที่ปาก พิทยาก็หันมาพอดี หน้าทั้งสองคนใกล้กันมาก ทั้งสองคนต่างคนต่างอึ้งเหมือนจูบกันผ่านขนมปัง

นพ บวร และวรรณวดีที่เดินเข้ามาในบ้านพักตากอากาศ ทุกคนเหวอมากกับภาพที่เห็น บวรกระแอมบอก
“สวีทกันแต่เช้าเชียวนะ”
สุอาภาและพิทยารีบผละออกจากกัน ขนมปังร่วงลงมา พิทยาคว้าไว้ได้ทันแล้วเอาไปแอบไว้ข้างหลัง
“ป๋า พี่ใหญ่ พี่ต่าย!”
สุอาภากับพิทยาหน้าแดงมากด้วยความเขิน
“เป็นไงยัยต่าย เลิกห่วงยัยน้องสาวสุดเลิฟได้รึยัง”
วรรณวดียิ้มแซวบอก
“หายห่วงเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ”
สุอาภารีบเดินเข้าไปกอดและหอมนพแบบอ้อนๆ
“ป๋ามาได้ยังไงคะเนี่ย”
“ก็อยากมาดูให้เห็นกับตาว่าลูกๆ ของป๋าสบายดีหรือเปล่า ถามแบบนี้ไม่อยากให้ป๋ามาใช่มั้ย … งั้นพวกเรากลับ” นพแกล้งหันหลังกลับ
“ใครบอกล่ะคะ แตดีใจต่างหากที่ทุกคนมา”
ทุกคนหันมายิ้มให้สุอาภากับพิทยา
“นี่แกจะไม่ถามสามีแกหน่อยเหรอว่าเขาโอเคด้วยหรือเปล่า”
บวรแกล้งพยักเพยิดแบบแซวๆไปทางพิทยา ทุกคนหันไปมองเขาแบบยิ้มๆ
พิทยาอมยิ้มบอก
“อยู่ด้วยกันหลายคนก็สนุกดีครับ”
บวรแซว
“ดีเลย งั้นฉันขอขนมปังสัก 3 แผ่นนะ ฉันขับรถมาตั้งไกล หิ๊ว หิว”
“พี่ใหญ่!”
สุอาภากับพิทยาหันมาสบตากัน ต่างฝ่ายทำหน้าแทบไม่ถูกเพราะยังเขินกันอยู่ สุอาภาไล่ตีบวรที่วิ่งหลบ นพ ต่าย และพิทยา บรรยากาศสนุกสนาน

พิทยากับนพกำลังเดินดูไซต์งานที่เขาใหญ่ คนงานกำลังเอาเหล็กเส้นที่ตรงตามที่ระบุไว้ในแบบมาลงใหม่ไปบ้างแล้วบางส่วน ทุกอย่างดูราบรื่นไปด้วยดี
“ถ้าเกิดเจรจาไม่ได้หรือปล่อยให้สร้างไป มีหวังบริษัทเราคงโดนฟ้องอานแน่”
“ผมว่าคราวหน้าเขาคงไม่กล้าแล้วล่ะครับ”
นพหยุดเดินหันมามองพิทยา
“ขอบใจมากนะพิท ทั้งเรื่องงาน แล้วก็ขอบใจที่ปกป้องดูแลยัยแตเป็นอย่างดี”
“คุณอาไม่ต้องเป็นห่วงครับ อะไรที่ผมรับปากแล้ว ผมจะทำให้ดีที่สุด”
นพมองพิทยาอย่างภูมิใจในตัวพิทยามาก

บ้านสวนในเวลากลางวัน ภูวดลก้มกราบเท้าจันทร์จำนง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่อมทุกข์มาก จันทร์จำนงมองหลานด้วยความเห็นใจ
“คุณย่าโกรธผมเรื่องที่ดินรึเปล่าครับ”
“ย่าไม่โกรธเราเลย ถ้าจะโกรธก็โกรธพ่อเรามากกว่า นี่ถ้าหนูรวีไม่บอกย่าก็ไม่มีทางรู้”
ภูวดลชะงักที่รู้ว่ารวีพรรณเป็นคนบอก
“คุณรวีมาหาคุณย่าเหรอครับ”
“จ๊ะ...ตอนที่หนูรวีบอก ย่าถึงนึกขึ้นมาได้ว่าพ่อเราเคยมาขอสร้างห้างสรรพสินค้า แต่ย่าไม่ให้ ย่าไม่นึกว่าพ่อเราจะใช้วิธีนี้”
ภูวดลไม่พอใจรวีพรรณแต่ไม่แสดงออก เพราะตอนนี้เรื่องภาสันต์สำคัญกว่า
“คุณย่าครับ ผมมีเรื่องจะขอร้อง”
จันทร์จำนงมองหน้าภูวดลอย่างสงสัย
“คุณย่าอนุญาตให้คุณพ่อทำห้างสรรพสินค้าจะได้มั๊ยครับ”
จันทร์จำนงไม่พอใจภาสันต์
“พ่อเราบังคับให้เรามาพูดกับย่าใช่มั๊ย”
“ไม่ใช่ครับ ผมมาพูดกับคุณย่าเอง ตอนนี้โครงการได้ดำเนินการไปแล้ว ถ้าพ่อไม่ได้ที่ตรงนี้ พ่อจะต้องชดใช้ให้กับหุ้นส่วนหลายร้อยล้าน โทษฐานที่ทำผิดสัญญา และถ้ามันเป็นอย่างนั้น พ่อฆ่าผมตายแน่”
ภูวดลมีความหวาดกลัวในแววตา จันทร์จำนงผงะ
“ฟังนะพ่อดล...ไม่มีพ่อคนไหนทำร้ายลูกได้ลงคอ”
“ยกเว้นพ่อของผม”
จันทร์จำนงอึ้ง ภูวดลพูดต่อ
“คุณย่าก็รู้ว่าพ่อไม่เคยรักผม ในสายตาของพ่อ ผมคือลูกที่ไม่เอาไหน ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ พ่อไม่เคยชื่นชมหรือส่งเสริมไม่ว่าผมจะทำอะไร ผมไม่ได้อยากปิดบังคุณย่าเรื่องนี้เลยนะครับ แต่ที่ผมต้องทำเพราะผมต้องการให้พ่อหันมามองผมบ้าง”
ภูวดลขยับมาใกล้จันทร์จำนง แล้วจับมือย่าขึ้นมาแนบกับหน้า น้ำตาคลอเบ้า
“คุณย่าอย่าเกลียดผมนะครับ เพราะในชีวิตนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะรักผมนอกจากคุณย่า”
ภูวดลน้ำตาไหล จันทร์จำนงมองหลานชายด้วยความสงสาร เธอดึงหลานเข้ามากอดแน่น ภูวดลกอดจันทร์จำนงตอบ ร้องไห้เงียบๆ ดูน่าสงสาร

ในเวลาต่อมาที่ออฟฟิศ ภาสันต์กำลังทำงาน สีหน้าหงุดหงิดเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ประตูเปิด … ภูวดลประคองจันทร์จำนงเข้ามาในห้อง ภาสันต์แปลกใจลุกเดินมาหา
“คุณแม่”
ภาสันต์หันไปมองภูวดลสงสัย แต่ภูวดลไม่พูดอะไร
“แม่ตกลงจะให้เราทำห้างสรรพสินค้า”
ภาสันต์ดีใจสุดๆ เหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ขอบคุณมากครับคุณแม่”
“แต่แม่มีข้อแม้...”
ภาสันต์นิ่วหน้า จันทร์จำนงพูดต่อ
“ลูกต้องยกหุ้นที่ลูกได้ให้เป็นของพ่อดลครึ่งนึง”
ภาสันต์หน้าเจื่อนลงทันที หันไปมองภูวดลที่ยังคงนิ่งไม่แสดงออกใดใด
“แต่แม่ครับ...ดลยังอ่อนประสบการณ์เรื่องธุรกิจ แล้วนี่ก็เป็นงานใหญ่”
จันทร์จำนงสวนกลับทันที
“ลูกทำไม่เป็นเราก็ต้องสอน ไม่อย่างนั้นเมื่อไหร่พ่อดลจะเก่งซักที ทันทีที่พ่อดลแต่งงานกับหนูรวี...แม่จะเซ็นต์โอนที่ดินให้เป็นชื่อของพ่อดลเพียงคนเดียว พ่อดลไม่มีสิทธิ์ยกที่ดินนี้ให้กับใคร ถ้าเราไม่ทำตามที่แม่บอกก็เตรียมหาเงินชดใช้ให้กับหุ้นส่วนได้เลย”
ภาสันต์อึ้งพูดไม่ออก หันไปมองภูวดลไม่พอใจ

ภูวดลกับภาสันต์ออกมาส่งจันทร์จำนงขึ้นรถ สองคนยกมือไหว้ จันทร์จำนงรับไหว้ ภูวดลเข้ามากอดและหอมแก้มย่า ก่อนจะผละออกจากกัน
“ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงานนะลูก”
“ครับ”
จันทร์จำนงลูบหัวภูวดลแล้วก็ยิ้มก่อนจะขึ้นรถ รถแล่นออกไป ภูวดลหันมา
“ฉันประมาทแกต่ำเกินไป แกฉลาดกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ทำอีท่าไหน คุณย่าถึงช่วยแกมากขนาดนี้”
“ผมไม่ได้ทำอะไร แต่เป็นเพราะคุณย่าท่านเห็นค่าในตัวผม”
ภาสันต์แค่นยิ้ม
“เห็นค่า แกมีค่าตรงไหน”
ภูวดลกำมือแน่นจ้องภาสันต์ด้วยตาแข็งกร้าว
“แล้วผมจะทำให้พ่อเห็น พ่อจับตาดูผมให้ดีก็แล้วกัน”
ภาสันต์ไม่พอใจ ภูวดลเดินออกไป

เวลาต่อมา ภูวดลเดินมาหารวีพรรณที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ รวีพรรณชะงักที่เห็นภูวดล
“ขอบคุณมากนะครับคุณรวี”
รวีพรรณนิ่วหน้าถาม
“ขอบคุณฉันเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่ผมได้เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนโปรเจ็กต์ร้อยล้านของพ่อผมน่ะสิ นั่นเป็นเพราะคุณแท้ๆ ที่ไปบอกคุณย่าเรื่องที่ดิน”
รวีพรรณหน้าถอดสี ภูวดลขยับมาใกล้ กระชากแขนเธอเข้ามาแล้วพูดเสียงเหี้ยม เบาพอได้ยินกันสองคน
“ตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะโดนบังคับ แต่ว่าตอนนี้..ผมเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสองคนต้องแต่งงานกัน”
“ฉันไม่แต่ง!”
“ยิ่งคุณไม่อยากแต่ง ผมก็ต้องแต่งกับคุณให้ได้! เพราะอะไรรู้มั๊ย เพราะผมต้องการเห็นความทุกข์ทรมานของคุณ ผมต้องการเห็นคุณเจ็บปวดอยู่อย่างไม่มีความสุข อย่าหาว่าผมใจร้าย ที่มันเป็นแบบนี้เพราะคุณเล่นงานผมก่อน”
ภูวดลดวงตากร้าวจ้องรวีพรรณ แล้วก็ปล่อยมือ ก่อนจะทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็เดินออกไป รวีพรรณทั้งเครียดทั้งโมโหที่ทำอะไรภูวดลไม่ได้

ภายในห้องน้ำ รวีพรรณวักน้ำจากก๊อกเข้าหน้าเป็นการดับความโมโห แล้วก็หยุด..ยืนนิ่งเมื่อรู้สึกสงบลง ก่อนจะหันไปดึงทิชชู่มาซับที่หน้า แล้วก็หยิบมือถือออกมา..กดชื่อ “พิท” รวีพรรณกดโทรออก แต่ปลายสายเข้าบริการรับฝากข้อความ
รวีพรรณกดวางสายด้วยความโมโหมาก รู้สึกมืดแปดด้านไปหมด

นพ บวร วรรณวดี สุอาภาช่วยกันจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว บวรเล่นกีต้าร์ร้องเพลงสร้างบรรยากาศครึกครื้น เพลงจบลงพอดีทุกคนปรบมือให้
“พี่ว่าให้แตกับพิทร้องบ้างดีกว่า”
สุอาภากับพิทยาทำสีหน้าเหรอหรา
“อย่าดีกว่าค่ะ ให้พี่ใหญ่ร้องต่อน่ะดีแล้ว”
“เฮ้ย เจ้าแม่ปาร์ตี้อย่างคุณหนูกระแตปฏิเสธได้ไง เถอะน่า ฉันร้องจนคอแห้งแล้วเนี่ย”
สุอาภาหันมาขอความเห็นใจจากนพ แต่นพกลับยิ้มสนับสนุน
“ป๋าไม่ได้ฟังแตกับพิทร้องเพลงด้วยกันนานแล้ว ร้องให้ป๋าฟังหน่อยนะ”
สุอาภากับพิทยามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี สุดท้ายก็ยอมทำตามเสียงเชียร์ บวรยื่นกีต้าร์ให้พิทยา
พิทยากับสุอาภานั่งคู่กัน พิทยาเล่นกีต้าร์ สุอาภากับพิทยาร้องด้วยกัน เนื้อหาเพลงบ่งบอกความในใจที่ต่างฝ่ายต่างแอบรักกัน ทั้งคู่ส่งสายตาให้กันซึ้งๆเหมือนจะบอกความในใจ
ทุกคนเห็นสายตาที่พิทยากับสุอาภามองกันก็แอบอมยิ้ม บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข

ปาร์ตี้เลิกแล้ว พิทยา สุอาภา วรรณวดีและ บวรช่วยกันเก็บกวาดอยู่มุมหนึ่ง พิทยาช่วยสุอาภาเก็บจาน เธอหยิบจานหลายใบมาซ้อนเรียงกัน แล้วยกขึ้น แต่ยกไม่ไหวจานด้านบนไถลเกือบจะหล่นลงมา สุอาภาสีหน้าตกใจ แต่พิทยามารับไว้ได้ทัน
“ระวังหน่อยสิคุณแต”
สุอาภานิ่งไปคิดว่าพิทยาเป็นห่วง
“จานนี่ใบตั้งหลายบาทนะ”
สุอาภาเหวอ แอบงอน
“ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่”
“งั้นเอามานี่เลย ผมถือเองดีกว่า”
พิทยาคว้าจานไปจากมือ สุอาภาทำหน้าบึ้ง แต่สุดท้ายแอบยิ้มออกมา วรรรวดีสะกิดบวรให้ดูความหวานของทั้งคู่แล้วแอบอมยิ้ม
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์บวรดังขึ้น บวรหยิบขึ้นมาดู เห็นชื่อปวีณาก็ชะงัก
“ใครโทรมาเหรอคะ” วรรณวดีถาม
บวรอึกอักบอก
“เพื่อนน่ะ ขอตัวแป๊บนะ”
บวรเดินออกไป วรรณวดีมองตามแล้วส่ายหัวยิ้มๆ กับท่าทีแปลกๆ ของบวร

บวรเดินเลี่ยงออกมาคุยโทรศัพท์อยู่อีกมุมหนึ่ง เขากดรับสาย
“มีอะไร”
ปวีณามีสีหน้าดูลังเลที่จะถาม
“ฉันติดต่อคุณพิทไม่ได้”
“ทำไม งานมีปัญหาเหรอ”
“เปล่า คือฉันเห็นคุณพิทไปดูงานที่เขาใหญ่ตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็ไม่เข้าออฟฟิศ ก็เลย...”
“เป็นห่วง” บวรต่อให้ก่อนหันไปมองพิทยากับสุอาภาที่ยังกระหนุงกระหนิงกัน
“เธอไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้พิทมันสบายดี แฮปปี้มาก เลยถือโอกาสอยู่ต่อฮันนีมูนที่นี่ซะเลย” บวรพูดต่อ
ปวีณาเงียบไป
“คุณพิทไปกับคุณแตเหรอ”

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 10/6 วันที่ 20 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager