@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 11 วันที่ 12 ม.ค. 56

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 11 วันที่ 12 ม.ค. 56

ยังไง ทุกทีเคยยอมใครซะที่ไหน พ่อ แม่จะไปคุยกับคุณเมฆซะหน่อย เสียลูกค้าก็ยอมล่ะคราวนี้” สายรุ้งจะเดินไป
เกริกไกรคิดแล้วห้าม “เดี๋ยวๆๆแม่ เมื่อกี๊แม่ว่าซันมันยอมคุณเมฆเหรอ”
“ใช่ คราวที่แล้วลูกเรามันเล่นงานเค้าจนเราแทบจะโดนถอนหงอกกันอยู่แล้ว แต่นี่อะไร ยอมไปรับใช้เขาอยู่ได้ คุณเมฆคงร้ายกับยัยซันมาก จนลูกสู้ไม่ไหว”
เกริกไกรคิดตามแล้วยิ้มขำ “เออ นั่นสิ พ่อว่ามันก็แปลกอยู่นะ ที่ซันมันก็ดูไม่กล้ากับคุณเมฆน่ะ แม่ว่ามั้ย”

สายรุ้งชะงักแล้วก็คิดตาม
“มองอีกด้าน คุณเมฆอาจจะทำให้ซันกลายเป็นคนทำงานบริการที่ดีในอนาคตก็ได้นะ พ่อว่า ปล่อยไปก่อนเถอะ ลองให้คุณเมฆดัดนิสัยยัยตัวดีสักพักดีกว่า” เกริกไกรบอก
“จะดีเหรอพ่อ”



ตะวันฉายโวยวายพ่อกับแม่
“ไม่ดี! ไม่เอา ซันไม่ยอมมมม...”
สายรุ้งกระซิบบอกเกริกไกร “เห็นมั้ย แม่ว่าแล้ว พ่อจัดการไปเลยนะ แม่ไม่อยากปวดหัว”
“ซัน ความต้องการของลูกค้าต้องมาก่อน จะไม่ได้เหรอ” เกริกไกรบอก
“แล้วถ้าเขาต้องการ..” ตะวันฉายก้มมองร่างกายตัวเอง “อึ๋ย “
เกริกไกรค้าน “ไม่ม้าง..”
“พ่ออ่ะ แม่ดูพ่อสิ ไม่หวง ไม่ห่วงลูกเลย จะปล่อยให้ไปนอนบ้านผู้ชายซะงั้น”
“พ่อไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรลูกหรอก พ่อกับแม่จะสังเกตการณ์อยู่ห่างๆเอง” เกริกไกรบอก
สักพักหมอกก็วิ่งมาหาตะวันฉาย
“พี่ค้าบ.. ไปดูปูลมกัน”
ตะวันฉายรับคำทันที “ปูลมเหรอ ได้ครับ” ตะวันฉายจูงมือหมอกเดินไปที่ชายหาดหน้าบ้าน
เกริกไกรกับสายรุ้งมองตะวันฉายด้วยความแปลกใจ
“อ้าว ไปง่ายๆเลย พ่อ ไอ้ที่คิดว่าคุณเมฆจะดัดนิสัยยัยซันน่ะ สงสัยจะเป็นเจ้าตัวเล็กนี่ล่ะมั้ง” สายรุ้งบอก
เอวามองหน้านิคด้วยความอ่อนใจก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“แล้วแกคิดว่า แกไปแล้วฉันจะมีความสุข กินอร่อย เที่ยวสนุก ชีวิตดีขึ้นกว่าตอนแกอยู่รึไงห๊ะ”
นิคหน้าเจื่อนๆ เพราะเถียงไม่ออก
“แกเห็นแก่ตัวมากเลยนะนิค ฉันเองก็รักพี่ยุทธ แต่ฉันยังไม่เคยคิดจะหนีหน้าเค้าไปไหนเลย สำหรับฉัน การรักใครซักคนมันคือการอยากเห็นคนที่ฉันรักมีความสุข แต่กับแก แกบอกว่ารักฉันแต่กลับเลือกจะทิ้งฉันไป นี่มันรักภาษาอะไรของแกห๊ะ”
นิคก้มหน้างุด “ฉันขอโทษ ฉันคิดว่าฉันทำให้แกอึดอัดใจ”
“ฉันจะอึดอัดมากถ้าแกเปลี่ยนไป อีกอย่างเดี๋ยวแกก็ต้องไปเมืองนอกแล้ว ให้ฉันได้ทำงานกับเพื่อนรักของฉันจนกว่าจะถึงวันนั้นได้มั้ย”
นิคมองหน้าเอวาก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสบายใจขึ้น
“เพื่อนรักขอมาขนาดนี้ ฉันจะปฏิเสธยังไงได้วะ” นิคบอก
เอวาดีใจจึงโอบไหล่นิคทันที
“ขอบใจแกมากนะนิค”
นิคพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ริมชายหาดของรีสอร์ตมีเวทีเตี้ยๆ ตั้งอยู่และประดับประดาด้วยไฟสวยงาม พนักงานรีสอร์ตแต่งตัวสวยงามมาร่วมสังสรรค์ ตะวันฉายเดินจูงหมอกเข้ามาในงาน เมฆเดินตามเข้ามาแบบงงๆ
“ความจริงนี่มันงานเลี้ยงพนักงานไม่ใช่เหรอ คุณชวนผมมางานทำไมเนี่ย” เมฆถาม
“ฉันไม่ได้ชวน แต่พ่อแม่ฉันชวน เห็นว่าพรุ่งนี้คุณจะกลับก็เลยถือเป็นการเลี้ยงส่ง...ส่งไปไกลๆ ไปแล้วไปลับไม่ต้องกลับมาอีกน่ะ”
“ผมว่าไอ้ประโยคหลังเนี่ย คุณพูดเองมากกว่า คุณเป็นผู้จัดการรีสอร์ตยังไงถึงมีความสุขกับการไล่แขกอย่างนี้”
“ก็เฉพาะแขกเรื่องมากอย่างคุณเท่านั้นล่ะ”
“ผมเรื่องมากก็เพราะไม่อยากให้คุณลืมผมง่ายๆ ไง แล้วผมก็ไม่มีวันลืมผู้จัดการรีสอร์ตแสบๆ อย่างคุณด้วย”
ตะวันฉายแอบยิ้มพอใจ “ฉันจะถือว่าเป็นคำชมนะ”
อ้อเห็นตะวันฉายเดินมากับเมฆและหมอกก็รีบเข้าไปพูด
“คุณเมฆขา ให้เกียรติเล่นกีตาร์กล่อมพวกเราสักเพลงได้มั้ยคะ”
“ยัยอ้อ เธอจะบ้าเหรอ กล้าใช้แขกกิตติมศักดิ์ของเราได้ไง” ตะวันฉายว่า
“เล่นได้นะ แต่ฟังได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” เมฆบอก
“เห็นไหมคะ คุณเมฆน่ะเป็นแขกกิตติมศักดิ์ที่แสนจะใจดี๊ใจดี พร้อมเมื่อไรก็เชิญบนเวทีเลยนะคะ”
“ช่วยบอกล่วงหน้าด้วยนะคะ จะได้เตรียมสำลีมาอุดหูทัน” ตะวันฉายกัด
เมฆหมั่นไส้จนอยากจะเอามือเขกหัวตะวันฉาย พอตะวันฉายหันมาเห็นก็เสไปทำอย่างอื่นแทน

อ้อกับหมอกช่วยกันปิ้งบาร์บีคิวแจกพนักงานอย่างสนุกสนาน ส่วนเมฆกำลังเตรียมตัวเล่นเพลงบนเวที
“เพลงที่ผมจะเล่นนี้เป็นเพลงที่ผมร่วมแต่งกับใครคนหนึ่งนะครับ”
เมฆมองมาทางตะวันฉาย ตะวันฉายเอาที่อุดหูมาอุดหูให้เมฆเห็น เมฆยิ้มๆอย่างไม่ถือสา
“ถ้าไม่เพราะก็ต้องทนฟังนะครับ” เมฆพูดต่อ
พนักงานเฮกับมุกของเมฆ เมฆเริ่มเล่นเพลงที่เขาแต่งกับตะวันฉาย ตะวันฉายแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจแล้วเดินหนีไป อ้อได้ฟังเพลงก็ปลาบปลื้มเคลิบเคลิ้ม เธอมองไปที่หมอกแล้วพูด
“น้องหมอกอยากมีแม่คนที่สองมั้ยคะลูก”
ตะวันฉายเดินมายืนที่จุดลับตาคนก่อนจะเอาที่อุดหูออกแล้วฟังเพลงที่เมฆเล่น
เมฆเล่นกีตาร์ร้องเพลงด้วยความรู้สึกที่ออกมาจากใจ ตะวันฉายฟังเพลงนั้นอย่างมีความสุขจนจบ เสียงปรบมือดังตามมา แต่ตะวันฉายยังปลาบปลื้มไม่หาย เกริกไกร สายรุ้งที่มองตะวันฉายอยู่ยิ้มออกมา

ที่บ้านพักของเกริกไกร เกริกไกรมีสีหน้าสงสัย สักพักสายรุ้งก็ยกชามะตูมร้อนมาเสิร์ฟ
“เมื่อกี้แม่เห็นอย่างที่พ่อเห็นใช่ไหม”
“หมายถึงซันเหรอคะ”
“อืมม์ รู้สึกมั้ยว่าคืนนี้ลูกเราดูมีความสุขมากกว่าปกติ” เกริกไกรถาม
“ใช่นะพ่อ ลูกเรายืนยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ เหมือนส่งตาหวานให้คุณเมฆด้วย”
“นี่เลยที่พ่อจะบอก....” เกริกไกรนึกได้ “หรือว่าลูกเราสปาร์คกับคุณเมฆเข้าให้แล้ว”
“ไม่มั้ง ลูกเราคงคิดได้ล่ะน่าว่าเขามีเมีย มีลูกแล้ว ไม่ควรเข้าไปยุ่ง”
สายรุ้งถอนใจเครียดจนเกริกไกรต้องจับมือเพื่อปลอบ
“อย่าเครียดเลยนะคุณนะ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้”

หมอกนั่งเล่นอะไรอยู่คนเดียว ส่วนเมฆเล่นกีตาร์และร้องเพลงอยู่ สักพักตะวันฉายก็เดินเข้ามานั่งฟัง ตะวันฉายรับรู้ถึงความรู้สึกที่เมฆจะบอกได้จนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เมฆวางกีตาร์แล้วโผมากอดตะวันฉายเอาไว้ เขาเอามือซับน้ำตาให้เธอโดยที่ทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็เข้าใจความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ยุทธการเดินเข้ามาเห็นเมฆกอดตะวันฉาย แล้วตะวันฉายก็ซบลงที่ไหล่เมฆแล้วก็ร้องไห้ ยุทธการเสียใจมาก

ยุทธการเดินมานั่งริมทะเลคนเดียวจนถึงเช้า

เมฆเดินตามตะวันฉายมาถึงประตูของบ้านพัก
“กลับไปได้แล้ว” ตะวันฉายบอก
“ผมก็ไม่ได้อยากจะอยู่นักหรอก แค่จะมาบอกว่าที่ผมรู้ว่าคุณเขียนนิยายก็เพราะพ่อแม่คุณเล่าให้ฟัง หายคาใจแล้วใช่มั้ย” เมฆบอก
“ไม่ต้องมาซ้ำเติมฉันหรอก”
“ที่ผมมาส่งคุณก็เพราะเป็นห่วงหรอกนะ กลัวคุณจะโดนงูทะเลกัดน่ะ”
“แต่ดันมาเจอผีทะเลอย่างคุณไง”
เมฆเห็นดอกไม้ดอกเล็กๆ ร่วงมาติดผมตะวันฉาย แต่ตะวันฉายไม่รู้สึกตัวจึงเอื้อมมือจะไปหยิบออก ตะวันฉายหลบ เมฆรีบหยิบดอกไม้จากผมตะวันฉายให้เธอดู ตะวันฉายนิ่งไปก่อนจะหยิบดอกไม้นั้นมาจากมือเมฆทำให้มือทั้งสองคนสัมผัสกัน เมฆกุมมือตะวันฉายไว้แล้วจ้องตาเธอ ตะวันฉายไม่อาจผละไปจากสายตาของเมฆได้
“ฉันทำอะไรแย่ๆ กับคุณไว้ตั้งเยอะ คุณคงไม่อยากกลับมาที่นี่อีกใช่ไหม” ตะวันฉายถาม
“ถ้าใช่..แล้วคุณจะทำยังไงให้ผมกลับมาอีกล่ะ”
ตะวันฉายเริ่มหวั่นไหว เมฆขยับเข้าไปใกล้ ตะวันฉายไม่ถอย ใบหน้าของทั้งสองค่อยๆ โน้มเข้าหากันช้าๆ แต่จู่ๆ เสียงเปิดประตูบ้านก็ดังขึ้น
“พ่อครับ หมอกง่วงแล้วครับ” หมอกบอก
เมฆกับตะวันฉายผละออกจากกัน ตะวันฉายรู้ตัวจึงเริ่มรู้สึกเขิน
“ผมพาหมอกไปนอนก่อนนะ” เมฆบอก
เมฆพาหมอกเดินออกไป ตะวันฉายมองตามด้วยสีหน้ามีความสุข

อ้อเห็นยุทธการเดินหน้าเศร้า
“คุณยุทธทำไมหน้าเป็นอย่างนั้นละคะ แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอคะ”
“เออ ใช่คับ พอดีมีงานด่วนครับ”
“อ๋อ แล้วจะให้อ้อไปตามคุณซันให้ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเลยดีกว่า ฝากลาอาเกริก กับอารุ้งด้วยนะครับ”
ยุทธการเดินออกไป อ้อรู้สึกว่ายุทธการดูผิดปกติมาก

อ้อเดินเข้ามาในรีสอร์ทพอเห็นตะวันฉายยืนอยู่ก็รีบเข้าไปหา
“คุณซันอยู่นี่เอง คุณยุทธกลับไปแล้วนะคะ เป็นอะไรไม่รู้คะ หน้าเศร้ามาก ถามอะไรก็ไม่ตอบ”
อ้อเหลือบเห็นหมอกที่ทำหน้าจ๋อยสุดๆ
“เออ อ้อว่าหน้าตาอย่างน้องหมอกนี่แหละคะ น้องหมอกเป็นอะไรคะ” อ้อถาม
“เราอยู่ที่นี่นานกว่านี้ไม่ได้เหรอครับพ่อ หมอกยังไม่อยากกลับเลย” หมอกถามเมฆ
“ไม่ได้ครับ หมอกต้องกลับไปเรียนหนังสือนะลูก” เมฆบอก
ตะวันฉายเห็นหมอกงอแงจึงเข้าไปปลอบ
“เอาไว้ปิดเทอม คุณหมอกมาเที่ยวที่นี่อีกสิครับ คราวนี้มากี่วันก็ได้ พี่ดูแลเอง”
“จริงๆ นะครับ”
“จริงสิครับ”
หมอกพูดกับเมฆ “พ่อครับ พี่เค้ารับปากแล้ว พ่อต้องพาหมอกมาอีกนะครับ”
เมฆยิ้มรับกับหมอกก่อนจะหันไปคุยกับตะวันฉาย
“แน่ใจนะว่าอยากให้ผมพาลูกมาอีก”
“มีรีสอร์ทไหนไม่อยากได้ลูกค้าบ้างล่ะ” ตะวันฉายถามกลับ
“เฮ้อ ไอ้เราก็นึกว่าอยากให้เรามาหาจริงๆ ที่แท้ก็งกเงินนี่เอง”
สักพักหมอกนึกขึ้นได้ก็รีบหันไปบอกตะวันฉาย
“เออใช่ หมอกมีอะไรจะให้ด้วยครับ”
หมอกเปิดกระเป๋าเป้ใบเล็กๆ ออกมาแล้วหยิบรูปที่เขาวาดยื่นให้ตะวันฉาย
“หมอกให้พี่ครับ”
ตะวันฉายรับรูปจากมือหมอกมาดูแล้วก็น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
“คุณหมอกให้พี่จริงๆ เหรอครับ” ตะวันฉายถามย้ำ
“จริงสิครับ หมอกชอบพี่ หมอกเลยอยากให้เป็นที่ระลึก” หมอกบอก
“งั้นพี่จะเก็บรักษาอย่างดีเลยครับ”
ตะวันฉายกอดหมอกแน่นด้วยความรัก แล้วเธอก็จะร้องไห้จึงรีบเดินหนีไป
“พี่ส่งแค่นี้นะคะ น้องหมอก พี่อ้อ ฝากส่งคุณเมฆด้วยนะคะ”
ตะวันฉายเดินออกไปทันที เมฆเดินตามไป
“คุณอ้อ ผมฝากน้องหมอกแป๊บนะครับ เดี๋ยวผมมา” เมฆเดินตามไป

เมฆเดินกับตะวันฉายบริเวณทะเลแหวก
“มาที่นี่หมอกเค้ามีความสุขมากเลยนะ หมอกเค้าคงจะคิดถึงคุณมากแน่เลย” เมฆว่า
“ฉันก็คงคิดถึงคุณหมอกมากเหมือนกัน”
“แล้วไม่คิดถึงคนอื่นบ้างเหรอ”
“ฉันมีงานต้องทำเยอะแยะ ไม่มีเวลาคิดถึงใครหรอก”
“แต่ผมจะคิดถึงที่นี่มากเลยนะ มีคนๆ นึงเข้ามาในชีวิตผม บางทีก็กวนประสาทเหลือเกิน แต่บางทีเค้าก็ทำให้ผมรู้ว่าชีวิตมีค่ามากแค่ไหน แต่เค้าก็จากไป โดยที่ผมไม่มีโอกาสได้บอกลาด้วยซ้ำ ผมเคยคิดว่าผมเข้มแข็งพอแล้วนะ แต่วันนึงผมถึงได้รู้ว่าผมอ่อนแอยิ่งกว่าเดิมซะอีก เพราะความสุขความสดใสที่เคยอยู่ข้างๆ ผม มันไม่ไดอยู่ตรงนั้นอีกต่อไปแล้ว”
“แต่สำหรับฉัน ความสุขมันไม่ใช่แค่การได้อยู่ใกล้คนที่เรารักนะคะ แต่มันเกิดจากการที่ได้เห็นว่าความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้ามันสวยงามยิ่งกว่าความฝันซะอีก”
“ผมอยากให้ความฝันมันเป็นความจริงได้ไหม”
“ฉันกลัวว่าความเป็นจริงจะทำลายความสุขที่มันมีอยู่ในตอนนี้”
“ไม่เป็นไร งั้นผมก็จะฝันมันต่อไป แต่ผมหวังว่าเมื่อผมตื่นขึ้นมา ผมจะพบกับความสดใสของผมอีกครั้ง ผมขออะไรหน่อยได้ไหม”
พูดจบเมฆก็กอดตะวันฉาย ทั้งสองซึมซับความรู้สึกที่มีให้แก่กัน แล้วเมฆก็เดินจากไป

ตะวันฉายพิมพ์ชื่อเรื่อง ตะวันฉายในม่านเมฆ ลงไปในหน้าจอที่ว่างเปล่า เธอนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วก็พยายามเขียนนิยายแต่ก็เขียนไม่ออก เธอเปิดสมุดบันทึกออกมาดูดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่เธอหยิบมาจากมือเมฆซึ่งเธอทับเอาไว้ในสมุดบันทึก ตะวันฉายหยิบมาดูก่อนจะทำหน้าเศร้า เกริกไกร กับสายรุ้งกระแอมไอก่อนเดินเข้ามาหา ตะวันฉายรีบเก็บดอกไม้ไว้ที่เดิมแล้วรีบปิดสมุด
“อ้าว...เห็นไปอยู่กทม.ตั้งนาน ไม่เห็นเขียนได้สักตัว” เกริกไกรพูด
“ก็ส่งประกวดไม่ทัน ซันก็เลยเปลี่ยนไปเขียนเรื่องใหม่เลยสิคะคุณเกริกไกร” ตะวันฉายบอก
“ตกลงจะได้เห็นหน้าปกนิยายลูกสาวพ่อสักเรื่องไหมเนี่ย”
“ต้องได้เห็นแน่นอนค่ะพ่อ เพียงแต่ตอนนี้ซันต้องหาแรงบันดาลใจก่อน”
“ลองคิดถึงคุณเมฆสิลูก” สายรุ้งเสนอ
ตะวันฉายตกใจรีบพูดกลบเกลื่อน “ซันจะคิดถึงเขาทำไมคะแม่”
“แหม...ก็เห็นหนิดหนมกันไง” สายรุ้งบอก
“นี่พ่อกับแม่กำลังคิดอะไรคะ”
“ก็คิดจากสิ่งที่เห็นนี่แหล่ะ”
“ซันตั้งใจจะเป็นนักเขียนนะ ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องพวกนั้นหรอก”
ตะวันฉายรีบเดินหนีไป
เกริกไกรกับสายรุ้งประคองกันทรุดตัวลงไปนั่งอย่างอ่อนแรง
“น่าสะเทือนใจที่สุด” เกริกไกรพูดออกมา
“สะเทือนใจเรื่องอะไรอะพ่อ” สายรุ้งถาม
“ก็คุณเมฆเค้าเป็นคนมีครอบครัวแล้ว” เกริกไกรบอก

ที่บ้านของเมฆ เมฆทำหน้าประหลาดใจเมื่ออิงฟ้าบอกความต้องการของเธอ เขามองไปรอบๆ ก็เห็นห้องอิงฟ้าเก็บอย่างเรียบร้อย และมีกระเป๋าที่ถูกแพ็คเป็นอย่างดี
“ฟ้าจะย้ายไปอยู่ข้างนอกเหรอ แล้วหมอกล่ะ” เมฆถาม
“ฟ้าต้องรบกวนให้เมฆช่วยดูแลหมอกสักพักนะเมฆ”
“แล้วฟ้าจะไปอยู่ที่ไหน”
“บ้านของธีร์ค่ะ”
“ทำไมต้องเป็นที่นั่น”
“เพราะมันเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับฟ้าไงคะ ฟ้าสัญญานะคะเมฆว่าเมื่อไรที่ถึงเวลา ฟ้าจะกลับมาอยู่กับหมอก ฟ้าไม่มีวันจะทิ้งเขาไปไหนอีก”
อิงฟ้าถอดสร้อยที่เธอใส่อยู่ให้เมฆ
“คุณเก็บไว้ให้หมอกนะคะ แล้วก็อย่าบอกใครว่าฟ้าอยู่ที่ไหน”
“แล้วคุณจะบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เมฆถาม
“ขอให้ฟ้าเคลียร์เรื่องทุกอย่างให้จบเสียก่อนนะคะ แล้วฟ้าจะบอกคุณ”
“งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปส่ง”
“ฟ้าอยากไปคืนและเดี๋ยวนี้”
เมฆจ้องหน้าอิงฟ้าด้วยความสงสัย แต่อิงฟ้าไม่กล้าสู้ตาเมฆ

จ่าสมกำลังมองผ่านกล้องส่งทางไกลจนเห็นประตูใหญ่บ้านเมฆเปิดออกโดยเก่ง เห็นเมฆกับอิงฟ้าช่วยกันขนกระเป๋าออกมาด้วยกัน โดยมีหมอกมายืนส่ง อิงฟ้ากอดหมอกแน่นแล้วหอมแก้ม
จ่าสมตั้งใจมองผ่านกล้องส่องทางไกลแล้วเอากล้องออกเพื่อให้เห็นหน้าชัดๆ จ่าสมน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปิติที่เห็นหมอก
“หลานตา !!!”
แสงไฟหน้ารถของเมฆแล่นผ่านไป จ่าสมรีบสตาร์ทรถแล้วขับตามไปทันที

รถของเมฆแล่นมาจอดหน้าประตูบ้านธีรภพ เมฆไขประตูบ้านแล้วเปิดประตู จากนั้นก็วิ่งมาขึ้นรถแล้วขับเข้าบ้านไป
รถของจ่าสมแล่นมาใกล้บริเวณบ้านก็ดับไฟหน้าแล้วจอดห่างออกไป จ่าสมลงจากรถมาแอบดูที่มุมหนึ่งบริเวณหน้าบ้าน จ่าสมเห็นเมฆกับอิงฟ้าช่วยกันขนของเข้าบ้านแล้วเปิดไฟในบ้าน จ่าสมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“สารวัตรครับ ผมคิดว่าคุณเมฆคงพาอิงฟ้ามาหาที่หลบไอ้พวกนั้นนะครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่.....”

เมฆหิ้วกระเป๋าของอิงฟ้าเดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วเดินไปเปิดไฟ อิงฟ้าเดินตามเข้ามา
“เมฆวางกระเป๋าฟ้าไว้แถวนี้แหล่ะ ที่เหลือฟ้าขนเอง”
เมฆมองด้วยความสงสัย “ฟ้า ผมว่าคุณดูแปลกไปมากเลยนะ ตกลงจะบอกผมได้หรือยังว่าคุณหลบใคร?”
“เปล่า ฟ้าไม่ได้หลบใครนะ”
“ที่เกาะนั่นก็ทีหนึ่งแล้ว จู่ๆคุณก็มาจู่ๆคุณก็หาย แล้วยังวันนี้อีกปกติคุณร้องจะอยู่บ้านผม แล้วทำไมขอมาอยู่บ้านพี่ธีร์ง่ายๆ”

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 11 วันที่ 12 ม.ค. 56

ตะวันฉายในม่านเมฆ บทประพันธ์โดย ภาวิน
ตะวันฉายในม่านเมฆ บทโทรทัศน์โดย
กฤษณ์ มงคลเกษม,พิมพ์พชา รุ่งประพันธ์,วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ตะวันฉายในม่านเมฆ กำกับการแสดงโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ตะวันฉายในม่านเมฆ ดำเนินการผลิต ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช
ตะวันฉายในม่านเมฆ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่มา manager