@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1/2 วันที่ 30 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1/2 วันที่ 30 ม.ค. 56

ขุนพิทักษ์ พูดจบก็เอาเรือออกไปยังจุดออก...
“พ่อพิทักษ์ พ่อพิทักษ์!”
“พ่อไวกับพ่อพิทักษ์นี่ก็เป็นอริกันมาตั้งแต่เด็ก โตมายังจะไม่เลิกแล้วต่อกันอีก” คุณซ่อนกลิ่นว่า
ขุนไว สั่งสมุนเอาเรือไปที่จุดออก และประกาศก้องกับพวกสมุนว่า
“แพ้ไม่ได้!”
ขุนพิทักษ์ลั่นตอบ
“สู้แค่ตาย !”
คุณหญิงมณีจะเป็นลม มีแจ่มคอยพัดวีอยู่

เสียงตีระฆังดังขึ้น เรือทั้งสองลำมุ่งหน้าไปแย่งธงที่อยู่ตรงหน้า ทางฝั่งท่าน้ำมีเสียงเชียร์และเสียงโอดครวญของคุณหญิงมณี
บนเรือกลางน้ำ ขุนไวพิชิตพลกับขุนพิทักษ์ไมตรีต่างมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมลงให้ใคร
ขุนพิทักษ์ส่งสัญญาณให้ลูกน้อง



“ชนมัน !”
ลูกน้องขุนพิทักษ์พายเบี่ยงเรือ ใช้พายเข้ากระแทกเรือขุนไว
ขุนไว เห็นดังนั้นก็ยิ่งแค้น
“ไอ้พิทักษ์”
ขุนไวพิชิตพล สั่งลูกน้องให้พายเร็วขึ้น หมายกะชิงธงให้ได้ แต่เรือขุนพิทักษ์ก็เร่งตามมากระทุ้งเรือขุนไวอีกครา คราวนี้ขุนไวใช้พายกระทุ้งกลับบ้าง จึงกลายเป็นต่อสู้กันด้วยไม้พาย สมใช้ไม้พายตีหัวสมุนของขุนไวจนบาดเจ็บ
“ไอ้พิทักษ์ เอ็งเล่นสกปรก”
“เล่นกับคนอย่างเอ็งมันก็ต้องอย่างนี้”
“ได้ ข้าเล่นได้ทุกแบบ”
ขุนไว จับพายกระทุ้งเรือขุนพิทักษ์ ตอนนี้ทุกคนหยุดพายแต่เอาพายกระทุ้งกัน
เรือหยุดกลางแม่น้ำเกือบถึงธง แต่ไม่มีใครชิงธง กลับตีกันอุตลุดชุลมุนกันอยู่
มุมหนึ่งมีเรือเก๋งลำใหญ่กำลังแล่นผ่านมา...
ขุนพิทักษ์ กระโดดข้ามไปที่เรือขุนไว ลูกสมุนบางคนตกน้ำไป เรือลอยเคว้งทั้งสองพยายามใช้พายกดกัน
ม่านหน้าต่างของเรือเก๋งที่ลอยผ่านมาถูกเปิดออก เผยใบหน้าของหญิงสาวสวยจับตา เธอมองมายังขุนทั้งสอง เช่นเดียวกับขุนทั้งสองที่เห็นหญิงสาว ดวงหน้าที่งามจับใจของนางทำให้ทั้งคู่นิ่งไปชั่วขณะ แต่เมื่อตาต่างประสานสายตากัน แม่หญิงโฉมงามก็ปิดม่านลงในทันที..
หัวเรืออีกลำหนึ่งวิ่งเข้าชนเรือของขุนไวกับขุนพิทักษ์ ทำให้ทั้งคู่ตกน้ำลงไปโครมใหญ่
หญิงสาวเปิดม่านมาอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเพียงนิดเดียว
ขุนพิทักษ์ไมตรีกับขุนไวพิชิตพลลอยคออยู่กลางน้ำ ลูกสมุนของแต่ละฝ่ายต้องมาช่วยขึ้นไป แต่ใบหน้าของนางในดวงใจยังลอยเด่นอยู่ในดวงตาของหนุ่มทั้งสอง


ภายในเรือเก๋งกลางน้ำ รำพึงยิ้มน้อยๆ บ่าวจวงเข้ามาประจบ
“คุณรำพึงของบ่าวนั่งยิ้มขัน หนุ่มพวกนั้นตั้งแต่โค้งน้ำโน่นแล้วนะเจ้าคะ”
“ก็มันน่าขันนี่นังจวง คนบ้าอะไรมาต่อยตีกันกลางน้ำ” รำพึงว่า
“แต่จะว่าไปเป็นหนุ่มรูปงามทั้งคู่เลยนะเจ้าคะ”
“เอ็งคิดอย่างนั้นเหรอ”
จวงมองเหล่นายหญิง
“เจ้าค่ะ หรือคุณรำพึงคิดเห็นว่าไม่งาม”
รำพึงยิ้มอ่อนโยนแต่ตาดุ
“ควรแล้วเหรอ...ที่บ่าวอย่างเอ็งจะต่อปากต่อคำกับลูกพระยาอย่างข้า”
จวงสะดุ้งโหยงก้มหน้างุด รำพึงมีแววตานิ่งเฉย ไม่มีคำตอบ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

บริเวณลานวัดแค ทั้งหมดเปียกมะล่อกมะแล่กเป็นลูกหมาตกน้ำ ที่มุมหนึ่งหลวงตามั่นยืนดูเหตุการณ์อยู่
“เป็นอันว่าไม่มีใครแพ้ใครชนะ เลิกแล้วต่อกันเถอะนะพ่อพิทักษ์ , พ่อไว” คุณหญิงมณีว่า
“ลูกไม่ยอม ลูกไม่มีวันแพ้ไอ้ไว”
“แล้วเอ็งชนะข้ารึไม่ ไอ้พิทักษ์”
“พูดแบบนี้ มันต้องเอาเลือดปากออก”
ขุนพิทักษ์ไมตรีฮึดฮัดจะเข้าไป ขุนไว ไม่ยอม จนจะเกิดวางมวยกันอีกครั้ง คุณหญิงมณีให้บ่าวจับไว้
“พอๆ หยุดกันที จะมาฆ่ากันให้คนแก่เผาผีหรือไง พ่อไวถือซะว่าฉันขอ”
ขุนไว มองคุณหญิงมณีอย่างเกรงบารมี จึงยอมลง
“นี่เห็นแก่คุณหญิงนะครับ”
ขุนพิทักษ์ที่มองไม่วางตา
“ไม่รับฝากนานนะไอ้ไว ระวังดอกมันจะพูน”
ขุนพิทักษ์ ส่ายหน้าแบบไอ้ขี้ขลาด ขุนไวหันขวับมาจ้องอีกครั้ง คุณหญิงมณีรีบปราดมาจูงมือลูกชาย
“เข้าไปกราบพระกันเถอะพ่อพิทักษ์”
“ตรงนี้ก็ได้คุณแม่”
ขุนพิทักษ์ มีสีหน้าระอา ยกมือไหว้ส่งๆ
เสียงหลวงตามั่นดังขึ้น
“ใช้มือไหว้ กับ ใช้ใจไหว้มันไม่เหมือนกันนะท่านขุน”
ขุนพิทักษ์ หันไปตามเสียง หลวงตามั่นพูดเน้นชัด
“ไหว้พระด้วยใจ ใจก็จะเห็นภาพใดใดได้ชัดขึ้น”
ขุนพิทักษ์ รู้สึกแว๊บในใจขึ้นมากับภาพฝันของตัวเอง แต่ด้วยความที่ไม่ใส่ใจ จึงไม่อยากฟังต่อ
“ลูกกลับก่อนนะครับ”
ขุนพิทักษ์ พูดจบก็เดินไปอย่างไม่ยินดียินร้าย
“อิฉันกลุ้มใจกับลูกคนนี้จริงเจ้าค่ะเถรมั่น สงสารท่านพระยาเหลือเกิน ทั้งๆที่กำลังป่วยหนัก ก็ยังต้องมาห่วงลูกชายอีก” คุณหญิงมณีพูดพลางถอนใจ
“มีห่วงก็เหมือนมีบ่วง ธรรมะเท่านั้นที่จะทำให้มนุษย์หลุดจากบ่วงได้”
“แต่สำหรับพ่อพิทักษ์..ดูจะหนักหนา มีทางไหนที่จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ไหมเจ้าคะ”
“ไม่มีใครหนีบ่วงที่ตนเองผูกขึ้นมาได้หรอก ทุกคนล้วนต้องชดใช้กรรมที่เกิดจากบาปที่ก่อขึ้นด้วยกันทั้งสิ้น!”

หลวงตามั่นพูดจบก็เดินกลับไป คุณหญิงมณีมองตามด้วยสังหรณ์ใจหนัก
ตกตอนกลางคืน ที่บ้านท้ายสวน ชุ่มเอาไพรประคบหน้าให้พี่ชาย สมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บแสบ

“ทำไมต้องไปมีเรื่องกับเค้าด้วยนะพี่สม” ชุมว่า
“ข้าเหรออยากมี นายสั่ง..เราก็ต้องสู้”
นางเย็น ถอนใจบอก
“ท่านขุนพิทักษ์นี่มีเรื่องมีราวได้ไม่เว้นแต่ละวัน”
“ใช่...ชั่วผิดพ่อผิดแม่!” สมว่า
ชุ่มกดไพรหนักไปที่ปาก
“เจ็บนะ นังชุ่ม!”
“พี่จะได้จำไงจ๊ะว่าอย่าลามปามท่าน ใครมาได้ยินเข้าพี่จะโดนโบยหลังขาด พี่สมก็อยู่ให้ห่างๆท่านขุนสิจะได้ไม่โดนแบบนี้อีก”
“เป็นทาสเขาจะเลือกอะไรได้วะนังชุ่ม เสร็จหรือยังล่ะ ข้าต้องรีบกลับไปที่เรือนคุณหญิงเดี๋ยวท่านขุนเรียกใช้ไม่เจอ ข้าจะเจ็บหนักอีก”
ชุ่มหมั่นไส้นิด ๆ กดไพรลงน้ำหนักมากขึ้นอีก
“เสร็จแล้ว”
“โอ้ย นังชุ่ม เจ็บนะโว้ย”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจนะพี่ จริง ๆนะ” ชุมพูดพลางทำตาอ้อนพี่ชาย
“ไม่ต้องทำตาซื่อใส ข้าไม่เชื่อ เอ็งแกล้งข้า”
สมขยี้หัวชุ่มแกล้ง ๆ
“แม่จ๋าช่วยด้วย พี่สมแกล้งฉัน!”
ชุ่มคลานหนีไปหลบหลังเย็น สมตามมาจะแกล้ง ต่างหัวเราะกันสนุกสนาน

ในเวลากลางคืน ภายในบ้านพักพระยาเทวราช รำพึงกำลังจัดของว่างปรนนิบัติพระยาเทวราช ผู้เป็นพ่อ
“ของว่างค่ะคุณพ่อ”
พระยาเทวราชมองถ้วยชาที่รำพึงวาง แล้วปัดทิ้งปัง! รำพึงตกใจ จวงที่แอบดูอยู่ห่าง ๆ ตกใจยิ่งกว่า
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าเรื่องอาหาร เครื่องดื่มของข้า เจ้าไม่ต้องยุ่ง!”
“รำพึงอยากจะปรนนิบัติคุณพ่อตามหน้าที่ของลูก”
“ลูก..ที่ข้าไม่เคยเต็มใจให้เกิด!”
รำพึงเจ็บปวด
“คุณพ่อ!”
“ทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้า มันตอกย้ำให้ข้าจำเรื่องชั่ว ๆ ของนังทาสชั่วที่กล้าทำเสน่ห์กับข้าผู้เป็นถึงพระยา”
“ลูกไม่ได้รู้เห็นในสิ่งที่แม่ของลูกทำ”
“เจ้าถึงยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกของข้าอยู่ทุกวันนี้ไงล่ะ! แต่ถ้าวันใดเลือดนางทาสชั่วมีฤทธิ์ขึ้นมา ข้านี่ล่ะจะบั่นคอเจ้าทิ้งเหมือนแม่ของเจ้า”
“พอทีเถอะค่ะ ยังไงนางทาสชั่วที่คุณพ่อว่าก็เป็นแม่ของลูก ลูกกราบขอร้อง...คุณพ่ออย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”
รำพึงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
พระยาเทวราชหายใจเข้าออกลึก ๆ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองเพื่อเรียกสติคืน
“พรุ่งนี้พ่อจะต้องไปเยี่ยมพระยาสุรเดชไมตรีที่เรือน เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมด้วย สำนึกไว้เสมอว่าเจ้าเป็นลูกข้า จงวางตัวเช่นลูกพระยาอย่าให้ข้าต้องอับอาย”
“เจ้าค่ะ”
พระยาเทวราชกลับเข้าห้องไป รำพึงน้ำตาร่วง จวงรีบเข้ามาหาด้วยความสงสาร
“คุณรำพึงของจวง”
“ข้าคือลูกพระยา คนอย่างข้ามีแต่จะสูงขึ้น ทั้งลาภยศ ฐานันดรและคู่ครอง เลือดในตัวข้าจะมีแต่เลือดพระยาเท่านั้น”
รำพึงปฏิญาณกับตนเองด้วยความคับแค้นในโชคชะตา แต่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

ภายในโรงนางโลม เวลากลางคืน จอกเหล้ากำลังถูกป้อนเข้าปากขุนพิทักษ์ไมตรี ภาพดวงหน้าของหญิงงามที่นั่งเรือเก๋ง เขาจำได้ติดตาไม่ลืม ขุนพิทักษ์เผลอโน้มหน้าลงจูบแต่สาวงามตรงหน้าที่ป้อนเหล้าเขาอยู่ กลับเป็นใบหน้าของหญิงบำเรอนางหนึ่ง ขุนพิทักษ์เห็นก็หงุดหงิดด้วยอาการเมาทั้งเหล้า ทั้งฝิ่น เขาผลักหญิงบำเรอจนล้ม
“นางฟ้าของข้าไปไหน...พวกเอ็งออกไป ข้าต้องการนางฟ้าของข้าเท่านั้น”
ขุนพิทักษ์ในอาการเมามายยืนขึ้นมา แต่ล้มไม่เป็นท่า
หญิงบำเรออีกคนว่า
“นางฟ้าที่ไหนวะ ก็มีแต่เอ็งกับข้าอยู่กัน ๒ คนเนี่ย”
หญิงบำเรอคนแรกบอก
“ข้าจะรู้มั้ยล่ะ แล้วเอาไงต่อล่ะ”
ขุนพิทักษ์เมาหลับหมดสภาพ
“เมาพับอย่างนี้ ปล่อยไว้แบบนี้แหละ” หญิงบำเรอคนที่สองว่า
“เอ็งจะทิ้งท่านขุน จะดีเหรอวะ”
“เอ็งจะอยู่ก็อยู่ แต่ข้าจะไปหาอัฐเพิ่ม หึ้ย!เสียเวลา”
หญิงบำเรอคนที่สองคว้าถุงอัฐแล้วก้าวฉับๆออกไป หญิงบำเรอคนแรกก็วิ่งตามออกไป

ขุนพิทักษ์ เมามายพร่ำเพ้อเรียกหาแต่นางฟ้า!
ในเวลาเดียวกัน ที่เรือนของขุนไวพิชิตพล แลเห็นขุนไวผู้เป็นนายเรือนนี้กำลังสั่งการลูกน้อง

“ข้าอยากรู้ว่าเรือเก๋งลำใหญ่ที่มุ่งหน้าไปทางคุ้งน้ำฝั่งเหนือเมื่อบ่ายนี้ จุดหมายคือที่ใด”
สมุนสอพลอบอก
“ท่านขุนอยากรู้จุดหมายของเรือเก๋ง หรืออยากรู้ว่าเรือเก๋งลำนั้นบรรทุกสาวงามนางใดมามากกว่ากันครับ”
ขุนไว หันขวับมองสมุนประมาณอย่าสู่รู้ สมุนรีบลนลานออกไป เขายิ้มเมื่อนึกถึงหญิงงามนางนั้น

ภายในห้องนอน รำพึงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จวงคอยสางผมให้อยู่
“นังจวง เอ็งเตรียมโสมที่ข้าได้มาจากสำเภาจีนใส่อับไว้ด้วยนะ พรุ่งนี้ข้าจะนำไปให้พระยาสุรเดชไมตรี เห็นว่าสุขภาพไม่ใคร่จะสู้ดี”
“เจ้าค่ะ แหมคุณรำพึงละเอียดถี่ถ้วนแบบนี้ใครได้ไปเป็นศรีภรรยาคงมีบุญโข”
“ปากดีนักเอ็ง แล้วเอ็งล่ะอยู่กับข้ามานาน...ไม่อยากมีผัวบ้างรึ”
จวงหัวเราะคิกบอก
“ไอ้อยากน่ะก็อยากเจ้าค่ะ แต่จนป่านนี้จวงยังไม่เห็นผู้ชายหน้าไหนมันจะดีพอสำหรับจวงสักคน”
“นั่นสินะ มันอยู่ที่ว่าชายใดจะดีพอ!”
รำพึงมองตัวเองในกระจก ความสวยของนางที่ไม่เคยมีใครแตะต้อง แววตารำพึงมีแววทะนงตน

เวลากลางคืน ลานบ้านมีมุ้งผูกเรียงกัน ๒ หลัง นายอยู่กับนางเย็นนอนในมุ้งหลังเดียวกัน ชุ่มนอนอยู่ในมุ้งขนาดกลาง
ภายในมุ้ง ชุ่มที่ยังนอนลืมตาโพลงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวันที่ท่านขุนช่วยชุ่มไว้ ชุ่มยิ้ม และชุ่มก็นึกภาพที่ท่านขุนเอาดาบจ่อคอศัตรู
“ท่านขุนโรงบ่อน! ท่านเป็นคนดีหรือคนร้ายกันแน่”
ชุ่มเองไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร รู้แต่ว่าใจหนึ่งแอบชื่นชม แต่อีกใจก็แอบกลัว

วันใหม่ ในเวลากลางวัน ที่สวนเรือนคุณหญิงมณี บริเวณตั่งกลางสวน ขุนพิทักษ์ไมตรีนั่งคลอเคลียบ่าวในบ้าน แล้วให้พวกทาสชายต่อยกันอย่างสนุก
สมเดินผ่านมา ขุนพิทักษ์ เรียกไว้
“ไอ้สม เอ็งมานี่”
สมเดินเข้าไปหาขุนพิทักษ์ อย่างระวัง
“ข้าว่าหน่วยก้านเอ็งดี แบบนี้น่าจะลองวางมวยกับไอ้โตมันหน่อย”
“กระผมไม่สู้หรอกครับ”
“ข้าให้สู้เอ็งก็ต้องสู้ อย่าถือว่าเป็นคนโปรดคุณแม่แล้วจะมากำแหงกับข้า”
“กระผมไม่ได้คิดเช่นนั้นครับ”
พูดไม่ทันขาดคำ ขุนพิทักษ์ก็เตะหน้าสมจนล้มหงาย ขุนพิทักษ์ลุกขึ้นเหยียบอกสม
“เอ็งคิดจะลองดีกับข้าเหรอ”
ขุนพิทักษ์ กระทืบส้นเต็มตีน สมจุกเต็มรัก
คุณหญิงมณีกลับมาจากวัดกับแจ่มและบ่าวอีกกลุ่ม มาเห็นเหตุการณ์ก็ตรงเข้าไปชำระความ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพ่อพิทักษ์ ไอ้สมมันทำอะไรผิดถึงต้องกระทืบมันปางตาย”
บ่าวไพร่ต่างวิ่งหลบกันเป็นพัลวัน ขุนพิทักษ์หงุดหงิดไม่ต้องคารมที่มารดาทำเช่นนี้
“ก็ไอ้ทาสมันขัดคำสั่งลูก ลูกก็ลงโทษให้มันหลาบจำก็แค่นั้น”
“แจ่มพาไอ้สมไปกินยาแก้ช้ำใน”
แจ่มกับบ่าวช่วยพยุงตัวสมไป
“เข้าข้างกันเข้าไป จนทาสมันจะอยู่ค้ำหัวลูกกันหมดแล้ว”
“พ่อพิทักษ์ ลูกโตจนรู้ดีชั่ว น่าจะรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร ตอนนี้คุณพ่อป่วยหนักลูกคิดจะเข้าไปให้คุณพ่อได้เห็นหน้าได้ชื่นใจบ้างมั้ย”
พิทักษ์ได้ฟังคำพูดของแม่ สีหน้าก็อ่อนลง แต่ด้วยความทิฐิที่ไม่เคยยอมลงให้ใครจึงหาเรื่องมาโต้เถียง
“ลูกเข้าไปหาคุณพ่อ ก็คงจะต้องทำหน้าเศร้าโศกที่เห็นคุณพ่ออยู่ในสภาพอย่างนั้น มันก็เหมือนแช่งคุณพ่อให้ตายเร็วขึ้น ใครอยากทำก็ทำกันไป แต่ลูกไม่ทำ”
“ทั้งที่ลูกก็รู้ว่าคุณพ่อต้องป่วยเพราะใคร”
ขุนพิทักษ์ สีหน้าเจ็บปวดแต่ยืนนิ่งไม่ขยับ คุณหญิงมณีจำต้องเดินกลับขึ้นเรือนไปอย่างอ่อนใจ ขุนพิทักษ์ มองตามด้วยความรู้สึกผิด
“มันไม่ใช่ความผิดของข้า...ไม่ใช่”

ในอดีต เวลากลางวัน ภายในห้องทำงาน พระยาสุรเดชไมตรีใช้เอกสารตบหน้าขุนพิทักษ์ ผู้เป็นบุตรชาย
“ยักยอกของหลวงผิดอาญาแผ่นดิน แกทำได้ยังไง”
พระยาสุรเดชฯ หายใจหอบแรง
“มันก็แค่ปันข้าวที่เหลือจากส่วยที่ส่งไปเมืองหลวง มันจะอะไรนักหนา”
พระยาสุรเดชไมตรีตบหน้าบุตรชาย

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 1/2 วันที่ 30 ม.ค. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3 (ต่อจาก ตะวันฉาย ในม่ายเมฆ)
ที่มา manager.co.th