@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 12/5 วันที่ 14 ม.ค. 56

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 12/5 วันที่ 14 ม.ค. 56

“ขอโทษว่ะซัน ฉันก็ลืมนึกไปเลยว่าจริงๆแกเข้ามาตามหาพี่ธีร์” นิคบอก
“แกเป็นอย่างงี้ประจำเลยไอ้นิค”
“อย่าไปตำหนินิคเลยเอวา ยังไงเรื่องก็ผ่านไปแล้ว แต่ต่อไปนิคก็อย่าเผลอหลุดอีกแล้วกัน” ยุทธการเตือน
“คร๊าบผม รับรองจากนี้จนวันตายผมจะปิดเรื่องของไอ้ซันกับพี่ธีร์ให้ ตายไปกับตัวเลย”
ยุทธการกับเอวาหัวเราะขำนิค แต่ตะวันฉายยืนนิ่งคิดจนยุทธการสังเกต

“เป็นอะไรเหรอซัน” ยุทธการถาม
“เอ่อ...เปล่าค่ะ ซันแค่คิดว่าเดี๋ยวจะต้องเอาต้นฉบับไปให้บอกอซักที”
ยุทธการเอามือจับไหล่ตะวันฉายด้วยแววตาชื่นชม



“พี่ดีใจกับซันด้วยนะ ที่ซันมีวันนี้ วันที่ซันมีทั้งความรัก และความฝันของซันก็ใกล้จะสำเร็จด้วย”
“อย่าเพิ่งดีใจสิคะ ซันยังไม่รู้เลยว่า นิยายของซันจะได้ตีพิมพ์รึเปล่า”
“อะไรที่เกิดจากความรัก พี่เชื่อว่าคนต้องเห็นคุณค่าของมัน”
ตะวันฉายยิ้มรับด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบคุณนะคะพี่ยุทธ พี่ยุทธดีกับซันจริงๆ”
“ก็ซันเป็นน้องสาวที่พี่รักนี่”
ทั้งสองคนยิ้มให้กันด้วยไมตรีที่ดีของพี่กับน้อง
“งั้นพี่กลับก่อนนะ” ยุทธการจับหัวตะวันฉายด้วยความเอ็นดู “แล้ววันแต่งงานพี่จะมาช่วยอีกนะ”
ยุทธการกับตะวันฉายยิ้มให้กัน แล้วยุทธการก็ขึ้นรถ นิคกับเอวาผลัดกันเข้ามากอดตะวันฉายแล้วขึ้นรถยุทธการไป ตะวันฉายมองตามแล้วรถที่วิ่งจากไปแล้วถอนใจเพราะคิดมาก
พอตะวันฉายหันกลับเพื่อเดินเข้าบ้านก็เห็นเมฆยืนรออยู่ด้วยรอยยิ้ม ตะวันฉายตัดสินใจยิ้มให้แล้วเดินไปหาก่อนจะจูงมือกันเดินเข้าบ้านไป

เมฆเดินเข้ามาในบ้าน พลันเหลือบไปมองต้นฉบับนิยายของตะวันฉายที่ปริ๊นเข้าเล่มเป็นปึกแล้วก็แอบเหลียวซ้ายแลขวา พอไม่เห็นตะวันฉายเขาก็หยิบมาเปิดดูผ่านๆ สักพักเมฆก็เหลือบไปเห็นท้ายของเล่มมีข้อความเขียนอยู่เขาก็ชะงักทันที
“หนังสือนิยายเรื่อง ตะวันฉายในม่านเมฆ เป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตของซัน มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ถ้าขาดคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งในชีวิต เขาคนนั้นคือ “ธีรภพ” หรือพี่ธีร์ ....”
เมฆชะงักทันทีเพราะแปลกใจก่อนจะก้มลงอ่านต่อ
“เคยมีคนบอกว่า “รักครั้งแรกคือแบบพิมพ์ที่จะหล่อหลอมหัวใจของเราให้กับความรักครั้งต่อๆไป” พี่ธีร์คือแบบพิมพ์ชิ้นนั้นของซัน แต่ทว่าแบบพิมพ์ความรักของซันได้หายไปจากชีวิตซันเมื่อหลายปีก่อน มันทำให้ซันไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวความรักผ่านตัวหนังสือได้อย่างลึกซึ้งและเป็นจริงได้ ซันจึงต้องกลับไปตามหาแรงบันดาลใจของซันคืนมา ด้วยการปลอมตัวเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กในบ้านของพี่ธีร์”
เมฆหน้าเสียด้วยความช็อค เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมฆก้มลงอ่านอีกครั้ง
“เพราะพี่ธีร์ทำให้ซันได้พบกับรักแท้ เพราะพี่ธีร์ทำให้ซันเขียนหนังสือเล่มนี้ได้จนจบ และเพราะพี่ธีร์ทำให้ซันได้รู้ความหมายของคำว่ารัก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะบ้านหลังนี้ ขอบคุณพี่ธีร์ที่ทำให้ซันมีวันนี้ ไม่ว่าตอนนี้พี่ธีร์จะอยู่ที่ไหน ถ้าพี่ธีร์สัมผัสได้อยากให้พี่ธีร์รู้ว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน พี่ธีร์จะอยู่ในใจของซันเสมอ....”
เมฆปิดหนังสือลงช้าๆ น้ำตาของเขาค่อยๆไหลออกมาด้วยความรู้สึกเหมือนฟ้าได้ถล่มลงตรงหน้า ราวกับว่าหัวใจของเขาได้แตกสลายลงกับความจริงที่ว่าตะวันฉายไม่ได้รักเขาเลย
จังหวะนั้นเองหมอกและตะวันฉายก็เดินยิ้มเข้ามา
“พ่อครับ หมอกขอไปสำนักพิมพ์กับพี่ซันได้มั้ยครับ”
เมฆชะงักรีบปาดน้ำตาแล้วก็ลุกไปอุ้มหมอกขึ้นมา
“ไปกับพ่อ”
เมฆเดินออกไปทันที ขณะที่ตะวันฉายเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อ้าว คุณจะพาหมอกไปไหนคะคุณเมฆ”
“ขอโทษด้วยนะ ผมคงไปส่งคุณที่สำนักพิมพ์ไม่ได้แล้ว คุณไปคนเดียวแล้วกัน”
เมฆอุ้มหมอกออกไปทันที
ตะวันฉายมองตามเมฆด้วยความงงเป็นไก่ตาแตก

หมอกนั่งอยู่ในรถ ขณะที่เมฆขึ้นรถมาแล้วปิดประตูเต็มแรง
หมอกหันมาถามด้วยความสงสัย “พ่อจะพาหมอกไปไหนครับ”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เมฆสตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที

เวลาผ่านไป เมฆนั่งมองเวิ้งน้ำตรงหน้าด้วยสีหน้าเศร้าๆ ขณะที่หมอกนั่งแหมะอยู่ข้างๆ หมอกหันมาถามเมฆด้วยความสงสัย
“พ่อเป็นอะไร ทำไมไม่พูดเลยครับ”
เมฆดึงหมอกมากอดด้วยความเศร้า
“หมอกครับ หมอกรักพ่อมั้ย”
“รักครับ”
“แล้วหมอกอยู่กับพ่อสองคน หมอกมีความสุขมั้ยครับ”
“มีความสุขครับ พ่อน่ารัก พ่อใจดี พ่อเล่นกับหมอกสนุกจะตายไป”
เมฆเอามือขยี้ผมหมอกอย่างเอ็นดู
“ถ้าเรากลับมาอยู่ด้วยกันสองคนเหมือนเดิม หมอกจะอยู่ได้มั้ย”
หมอกชะงักแล้วก็มีสีหน้างงๆ
“แล้วพี่ซันล่ะครับพ่อ”
เมฆหันกลับไปมองเวิ้งน้ำตรงหน้าเพราะไม่อยากให้หมอกเห็นแววตาเจ็บปวด
“พ่อไม่อยากให้เค้าต้องฝืนใจมาอยู่กับพ่อ ทั้งที่จริงเค้าอาจจะไม่เคยรักพ่อเลยด้วยซ้ำ”
เมฆตอบหมอกไปอย่างเจ็บปวด

ตะวันฉายนั่งชะเง้อมองไปที่หน้าประตูด้วยความกังวล สักพักอิงฟ้าเดินเข้ามาเห็นตะวันฉายนั่งอยู่เธอจึงเดินเข้ามาคุยด้วย
“มานั่งทำอะไรตรงนี้ แล้วเมฆกับหมอกไปไหนล่ะคะ”
ตะวันฉายหันมาสีหน้ากังวล
“นั่นสิคะ อยู่ๆก็ออกไป มือถือก็ดันปิดอีก”
“ทะเลาะอะไรกันรึเปล่าคะ”
“เปล่านี่คะ เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย แล้วทำไมอยู่ๆก็เป็นแบบนี้ก็ไม่รู้”
อิงฟ้าจับบ่าตะวันฉายเพื่อปลอบใจ
“อย่าคิดมากเลยค่ะ บางทีเมฆอาจจะมีเซอร์ไพรซ์อะไรคุณก็ได้”
“แค่นี้ก็เซอร์ไพรซ์แล้วล่ะค่ะ ทำแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย มันเหมือนเค้าปิดบังอะไรฉันอยู่ เห็นสีหน้าเค้าแล้วฉันไม่สบายใจยังไงไม่รู้”
“คุณสองคนผ่านอะไรด้วยกันมากตั้งมากมาย ฟ้าว่าไม่มีอะไรจะทำให้คุณสองคนต้องผิดใจกันอีกแล้วล่ะค่ะ”
ตะวันฉายเห็นอิงฟ้าปลอบใจเธอก็ยิ้มรับ
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันจะพยายามไม่คิดมากค่ะ”
อิงฟ้ายิ้มรับแล้วเดินออกไป ตะวันฉายยังคงมองที่หน้าประตูแล้วก็รู้สึกกังวลอยู่ดี

เวลาผ่านไป ตะวันฉายยังคงคอยเมฆตามที่ต่างๆในบ้าน ตะวันฉายนั่งรอเมฆอย่างกระสับกระส่ายในห้องรับแขก ตะวันฉายเดินวนไปวนมาบริเวณริมสระน้ำส่วนตาของเธอก็มองไปที่ประตู
ตะวันฉายเดินวนหน้าประตูแล้วมองออกไปนอกบ้านด้วยความหวังจะเห็นแสงไฟหน้ารถของเมฆ อิงฟ้าเดินออกมาดูตะวันฉายด้วยความสงสาร

ดึกสงัด ตะวันฉายนั่งหลับอยู่ที่โซฟา สักพักเมฆอุ้มหมอกที่หลับอยู่ก็เดินเข้ามา ตะวันฉายได้ยินเสียงก็สะดุ้งตื่นทันที
“คุณไปไหนมาคะ มือถือก็ติดต่อไม่ได้ รู้มั้ยว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหน” ตะวันฉายถาม
สักพักอิงฟ้าก็เดินเข้ามา เธอเห็นทั้งสองคนคุยกันอยู่ก็เข้ามาคุยด้วย
“คุณซันเค้ารอเมฆทั้งวันเลยรู้มั้ยคะ จริงๆไปไหนคุณน่าจะบอกบ้างนะ” อิงฟ้าว่า
“ผมขอโทษ” เมฆพูดจบก็จะเดินขึ้นบ้าน
ตะวันฉายไม่พอใจจึงเดินเข้าไปขวาง
“เป็นอะไร ทำไมไม่พูด ทำแบบนี้ฉันไม่สบายใจเลยนะ”
“เปล่านี่ ผมแค่พาหมอกออกไปหาอะไรกิน ตามประสาพ่อลูก” เมฆบอก
“แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นส่วนเกินรึไง” ตะวันฉายถาม
เมฆไม่ตอบแล้วจะเดินหนี
“คุณเมฆ มีอะไรไม่พอใจฉันก็พูดมาเลยดีกว่า อย่าทำแบบนี้”
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณรอ ผมขอตัวพาหมอกไปนอนก่อนนะ”
เมฆเดินขึ้นบันไดบ้านไปทันที ตะวันฉายกระฟัดกระเฟียด อิงฟ้าเข้ามาแล้วพยายามไกล่เกลี่ย
“ใจเย็นๆก่อนนะคะ เดี๋ยวฟ้าคุยกับเมฆให้เอง”
อิงฟ้าพูดจบก็เดินขึ้นบันไดตามเมฆไป

เมฆเดินออกมาจากห้อง อิงฟ้าเห็นก็ปราดเข้าไปคุย
“บอกฟ้าได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณทำแบบนี้”
เมฆสีหน้านิ่งเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง
“พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอกฟ้า”
“แต่ยิ่งคุณไม่พูด ฟ้าก็ยิ่งไม่รู้อะไรเลย เมฆคะ คุณกับตะวันฉายเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆกันมาด้วยกัน ฟ้ารู้ว่าคุณสองคนรักกันมากแค่ไหน แล้วอะไรที่ทำให้อยู่ๆคุณก็เป็นแบบนี้คะ”
“ไม่รู้สิ บางทีเราอาจจะไม่ได้รักกันอย่างที่คุณเห็นก็ได้”
ตะวันฉายเดินขึ้นบันไดมาได้ยินพอดี
“คุณพูดอะไรออกมาหาห๊ะเมฆ” อิงฟ้าว่า
“ความจริงผมกับเค้าไม่ควรเจอกันตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ถ้าผมย้อนเวลาไปได้ ผมจะไม่รับเค้าเข้าทำงาน ไม่ยอมให้เค้าเข้ามาอยู่ในบ้าน ไม่ให้เค้าเข้ามาใกล้หมอก ไม่ให้เค้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแบบนี้”
เมฆพูดไปด้วยความน้อยใจจนน้ำตาแทบไหล

ตะวันฉายที่ฟังอยู่รู้สึกปวดใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน
“ฟ้าว่านี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ คุณน่าจะปรับความเข้าใจกับคุณซันเค้าซะ อย่าปล่อยให้อะไรมันบานปลาย มันจะไม่ดีต่อคุณทั้งคู่”
ตะวันฉายเดินเข้ามาพูดด้วยความปวดใจ
“ถ้าเค้าไม่อยากพูดก็ช่างเค้าเถอะค่ะ เพราะเท่าที่ฉันได้ยิน มันก็มากเกินพอแล้ว”
ตะวันฉายพูดจบก็เดินออกไปทันที
อิงฟ้ารีบเรียกไว้ “เดี๋ยวค่ะ คุณซัน” อิงฟ้าคะยั้นคะยอเมฆ “ไปง้อเค้าสิเมฆ”
เมฆยืนนิ่งไม่ยอมเดินไป อิงฟ้าทนไม่ไหวจึงรีบตามตะวันฉายไปแทน

ตะวันฉายเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู เธอทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้ด้วยความเสียใจ แล้วตะวันฉายก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเสื้อผ้ามาเปิดแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะโกยเสื้อผ้าในตู้ลงกระเป๋าพร้อมกับปาดน้ำตาด้วยความน้อยใจเมฆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ในจังหวะที่ตะวันฉายปิดกระเป๋าแล้วเตรียมจะออกจากห้องพอดี ตะวันฉายเดินไปเปิดประตูทำให้เห็นว่าอิงฟ้าเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าร้อนใจ
“คุณซันคะ” อิงฟ้าเห็นกระเป๋าก็ตกใจ “นี่คุณจะไปไหนคะ”
ตะวันฉายยกกระเป๋าเตรียมออกจากห้อง
“ไปจากที่นี่ค่ะ” ตะวันฉายบอก
อิงฟ้าพยายามทำใจเย็นเพื่อจัดการกับสถานการณ์นี้
“โอ๊ยยย มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะคะ ฟ้าขอร้องล่ะค่ะ คุยกันดีๆ อย่าประชดกันแบบนี้เลย”
“ฉันไม่ได้ประชดนะคะ ฉันจะไปจริงๆ เท่าที่ได้ยินมันก็ชัดแล้วว่า เมฆเค้าไม่ได้รักฉัน แล้วฉันจะอยู่ที่นี่ทำไม”
“อยู่ปรับความเข้าใจกันไงคะ” อิงฟ้าบอก
“ป่วยการเปล่าๆค่ะ บางทีที่คุณเมฆเค้าพูดมันอาจจะจริงๆก็ได้ว่า เราอาจจะไม่ได้รักกัน”
“คุณซัน ทำใจเย็นๆแล้วฟังฟ้านะคะ เมื่อเช้าคุณสองคนยังรักกันอยู่เลย กับแค่คำพูดไม่กี่คำ อย่าให้มันทำลายความรักของคุณสองคนสิคะ”
“ถ้ามันมาจากปากคนอื่น ฉันจะไม่แม่แต่จะสนใจฟัง แต่นี่มันมาจากปากเค้า มันมีน้ำหนักมากพอที่ฉันจะตัดสินใจไปจากที่นี่คะ ขอโทษนะคะคุณฟ้า แต่ฉันต้องไปจริงๆ”
ตะวันฉายผละจากอิงฟ้าพร้อมกับยกกระเป๋าเดินออกไป อิงฟ้ามองตามด้วยความอ่อนใจ

รุ่งเช้า เมฆกำลังป้อนข้าวให้หมอก ขณะที่เก่งคอยรินน้ำให้ข้างๆ สักพักอิงฟ้าก็เดินเข้ามาชักสีหน้าใส่เมฆอย่างไม่พอใจ
“เมื่อคืนหลับสบายมั้ยคะเมฆ”
เมฆป้อนข้าวหมอกจนหมดจานแล้วก็เช็ดปากให้หมอก แล้วเขาก็ตอบอิงฟ้าโดยทำเป็นไม่เป็นอะไร
“ก็หลับนี่”
“ดีนะ แฟนหนีไปทั้งคนยังหลับได้” อิงฟ้าว่า
หมอกได้ยินก็ชะงักแล้วหันมาทางอิงฟ้า
“ใครหนีไปไหนเหรอครับแม่”
เมฆรีบหันไปบอกเก่งทันที
“เก่ง เดี๋ยวพาคุณหมอกไปรอที่รถนะ เดี๋ยวฉันตามไป”
“พ่อยังไม่ตอบหมอกเลยว่าใครหนีไปไหน แล้วพี่ซันไปไหน ยังไม่ตื่นเหรอครับ” หมอกถาม
“เดี๋ยวพ่อเล่าให้ฟังนะครับ ไปกับพี่เก่งก่อนนะ”
“ไปกันครับคุณหมอก วิ่งแข่งกันนะ ใครไปถึงรถก่อนคนนั้นชนะ” เก่งว่า
เก่งรีบวิ่งนำไป หมอกวิ่งตาม อิงฟ้าหันมาถอนหายใจด้วยความเอือมระอาเมฆ
“ไหนๆคุณซันเค้าก็ไปแล้ว คราวนี้เมฆเล่าให้ฟ้าฟังได้มั้ยคะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เอวาพยายามต่อโทรศัพท์หาตะวันฉายแต่ก็เป็นสัญญาณปิดเครื่อง เอวาปิดเครื่องอย่างอารมณ์เสีย ยุทธการกับนิคอยู่ในห้องทำงานของเอวาด้วย
“ที่คอนโดก็บอกไม่ได้กลับไป มือถือก็ปิด” เอวาบอก
“ไอ้ซันนี่ก็แปลก เพิ่งจะสวีทหวานกันอยู่หยกๆ มาติสแตกหนีออกจากบ้านเค้าเฉยเลย ไม่รู้มันคิดอะไรของมัน” นิคว่า
“เอวาว่าเราไปคุยกับพี่เมฆให้รู้เรื่องดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เอวาเสนอ
“พี่ว่าไม่มีประโยชน์ ขนาดคุณอิงฟ้าถามคุณเมฆยังไม่ยอมบอก ทางเดียวคือเราต้องตามหาซันให้เจอ”
“แล้วจะไปตามที่ไหนล่ะครับ หรือว่ามันกลับเกาะ” นิคสงสัย
“พี่ว่าไม่นะ เพราะตอนมาที่นี่พี่โทรไปถามที่รีสอร์ทแล้ว ไม่มีการส่งเรือมารับใครพิเศษนอกจากกรุ๊ปปกติ”
“แสดงว่าซันก็ไม่ได้คิดจะกลับเกาะ แล้วมันไปไหน”
“พี่คิดว่าพี่รู้นะว่าซันจะไปไหน”
นิคกับเอวามองหน้ายุทธการเป็นเชิงถาม

ตะวันฉายนั่งเหม่ออยู่ที่ศาลาริมน้ำของบ้านสวน ภาพตอนที่เธอแอบได้ยินเมฆพูดจาตัดรอน ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ....
ตะวันฉายเดินขึ้นมาได้ยินพอดี
“คุณพูดอะไรออกมาหาห๊ะเมฆ” อิงฟ้าถาม

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 12/5 วันที่ 14 ม.ค. 56

ตะวันฉายในม่านเมฆ บทประพันธ์โดย ภาวิน
ตะวันฉายในม่านเมฆ บทโทรทัศน์โดย
กฤษณ์ มงคลเกษม,พิมพ์พชา รุ่งประพันธ์,วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ตะวันฉายในม่านเมฆ กำกับการแสดงโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ตะวันฉายในม่านเมฆ ดำเนินการผลิต ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช
ตะวันฉายในม่านเมฆ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่มา manager