@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 14/3 วันที่ 17 ม.ค. 56

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 14/3 วันที่ 17 ม.ค. 56

“หวังว่าคราวนี้พี่เมฆกับซันจะได้เข้าใจกันซะทีนะคะ” เอวาเป็นห่วง
ตะวันฉายนั่งหน้างออยู่ในห้องพัก เมฆเดินมาหาตะวันฉายแล้วลงนั่งข้างๆ เธอ
“เปลี่ยนเสื้อผ้าสิ ผมเตรียมไว้ในตู้แล้ว จะได้ออกไปทานข้าวกัน” เมฆบอก
“ฉันไม่หิว ฉันไม่ไป”
“ไม่หิวน่ะโอเค แต่ไม่ไปไม่ได้ ตกลงจะไปทั้งชุดฟูฟ่องเป็นขนมปุยฝ้ายหรือจะเปลี่ยนเสื้อ”
ตะวันฉายยิ้มกวน “ฉันไม่เปลี่ยน ไปมันทั้งอย่างนี้แหล่ะ ถ้าใครถามก็จะบอกว่าฉันถูกลักพาตัวมาจากงานแต่ง”

เมฆยิ้มกวนกลับ “แล้วไม่คิดว่าคนจะมองว่าคุณเป็นเจ้าสาวที่หนีตามชู้มาบ้างเหรอ”
ตะวันฉายแยกเขี้ยวด้วยความเจ็บใจแล้วลุกขึ้นสะบัดกระโปรงฟาดหน้าเมฆก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดเดินเข้าห้องน้ำไป
เมฆกับตะวันฉายนั่งกินอาหารอยู่ในห้องอาหารภายในโรงแรม เมฆนั่งกินแบบไม่สนใจตะวันฉาย
“แล้วตกลงคุณจะกักขังตัวฉันนานแค่ไหน” ตะวันฉายถาม



“ไม่รู้” เมฆตอบกวนๆ
“นี่...ฉันจะเตือนด้วยความหวังดีนะ พี่ยุทธเป็นตำรวจเก่ง คุณทำแบบนี้เท่ากับเหยียบจมูกเขา เขาไม่ปล่อยคุณแน่”
“เหรอ....คุณจะบอกว่าเขารักคุณมากๆๆๆๆๆ”
“มากถึงมากที่สุด”
“งั้นไหนล่ะพี่ยุทธของคุณ ขนาดจะโทรกลับยังไม่โทรเลย” เมฆล้อเลียน “เขา คงห่วงคุณมากจนตอนนี้อาจจะไปซบอกสาวสวยๆปลอบใจกันที่ไหนสักแห่ง”
ตะวันฉายเริ่มไม่มั่นใจ “ ไม่...ไม่จริงหรอก ฉันว่าเขากำลังวางแผนระดมกำลังมาช่วยฉันมากกว่า
“ถามจริงๆนะ คุณคิดว่าผมเป็นคนชอบโกหกเหรอ คุณถึงไม่เชื่อผมเลย”
ตะวันฉายชะงักเพราะเถียงไม่ออก
“ถ้าคุณไม่ได้โกหกมันก็ต้องเป็นการเข้าใจผิด เพราะฉันรู้จักกับพี่ยุทธมาตั้งแต่เด็ก ฉันยืนยันได้ว่าพี่ยุทธเป็นคนดีจริงๆ”
“งั้นผมจะพาคุณกลับไปแต่งงานกับเค้า”
เมฆเดินออกไป ขณะที่ตะวันฉายมองตามเมฆก่อนจะเรียกเมฆไว้
“เดี๋ยวก่อนคุณเมฆ”
เมฆชะงักก่อนจะหันมาทำหน้าจ๋อยๆ
“คุณถามฉันว่าฉันคิดว่าคุณเป็นคนชอบโกหกรึเปล่า ฉันตอบได้ทันทีว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันต่างหากล่ะที่โกหกคุณมาตลอด แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังโกหกคุณ”
“คุณโกหกอะไรผมเหรอ”
“ฉันโกหกว่าฉันรักพี่ยุทธ แต่จริงๆฉันรักเค้าอย่างพี่ชายเท่านั้นเอง”
เมฆยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ถ้าคุณไม่รักเค้า งั้นคุณบอกได้มั้ยว่าคุณรักใคร”

ตะวันฉายนั่งอยู่กับเมฆด้วยสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น
ไถึงเวลาที่ฉันต้องหันมารักตัวเองซักที” ตะวันฉายบอก “ฉันควรจะหันมาทุ่มเทให้กับความฝันของฉัน ส่วนเรื่องของหัวใจ ฉันอยากจะพักมันไว้ ฉันกับพี่ยุทธคงเหมาะจะเป็นพี่น้องกันมากกว่า”
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจวันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันคงไม่มีดวงเรื่องความรัก”
“ผมก็เหมือนกัน ตั้งแต่คุณชอบพี่ธีร์ คุณก็รักเขาคนเดียวและทำทุกอย่างเพื่อให้เจอเขา ผมอยากจะเป็นคนที่คุณรักมากอย่างที่รักพี่ธีร์ แต่ผมไม่ได้โชคดีอย่างเค้า”
ตะวันฉายจะอ้าปากอธิบายแต่เมฆลุกขึ้นพูดก่อน
“คุณควรจะพักผ่อนนะ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งแต่เช้า”
เมฆเดินจากไป ตะวันฉายมองตามด้วยความเศร้าใจที่เมฆเข้าใจเธอผิด

หลายวันต่อมา ยุทธการ นิค และเอวานั่งดื่มกาแฟอยู่ด้วยกันที่ร้านกาแฟ สีหน้ายุทธการดูเศร้าๆ
“พี่คงเป็นผู้ชายที่แย่มาก ถึงได้โดนบอกเลิกถึงสองครั้ง” ยุทธการเปรยออกมา
“แล้วซันมันไม่สงสัยเหรอครับว่า พี่ยุทธเป็นเสือผู้หญิงจริงรึเปล่า” นิคถาม
“ซันเค้าบอกว่าเป็นคลิปคนหน้าเหมือน ยังไงเค้าก็ไม่เชื่อว่าพี่จะเป็นคนแบบนั้น” ยุทธการบอก
“เออเว้ย ซันมันก็เชื่อมันในตัวพี่ยุทธดีนะครับ สมแล้วที่มองพี่เป็นพี่ชายที่แสนดี”
“เฮ้อ พี่มันก็เป็นได้เท่านี้แหละนะ”
“นึกแล้วก็น่าเสียดายนะคะ อุตส่าห์วางแผนไม่รู้กี่วิธีให้สองคนนี้ได้เคลียร์ใจกัน แต่ไม่รู้ไปเคลียร์กันอีท่าไหน สุดท้ายถึงได้แยกทางกันไปเฉยเลย” เอวาบอก
“เฮ้อ บอกตามตรงนะ ฉันไม่เคยเจอคู่รักคู่ไหนที่ใจแข็งแล้วก็ปากแข็งเท่าสองคนนี้มาก่อนเลย”
“พวกเราทำหน้าที่ของพี่ของเพื่อนอย่างดีที่สุดแล้วล่ะ แต่ในเมื่อเค้าตัดสินใจแบบนี้ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพรหมลิขิตละกัน” ยุทธการบอก
ยุทธการ นิค และเอวาถอนใจด้วยความเซ็งออกมาพร้อมๆ กัน

ตะวันฉายนั่งพิมพ์งานอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ที่บ้านสวนริมน้ำ นิคกับเอวาเอาอาหารมาให้ เอวาสะกิดเรียกตะวันฉาย ตะวันฉายพยักหน้ารับแต่ก็ยังมุทำงานต่อ นิคกับเอวากลุ้มใจ
เมฆนั่งเขียนเพลงอย่างตั้งใจในห้องทำงานที่บ้าน แล้วเขาก็หยุดเล่นดนตรีเพื่อนั่งคิดและเขียนเนื้อ
เมฆนึกถึงอดีตที่เขากับตะวันฉายแต่งเพลงจากเปียโน เมฆลุกจากเปียโนมายืนดูภาพตัวเองกับตะวันฉายในอดีตแหย่กันอย่างมีความสุข แล้วเมฆก็อมยิ้มพร้อมกับเดินกลับไปนั่งที่เปียโน แล้วก็แต่งเพลงต่อไปจนดึกเมฆฟุบหลับคาเปียโน อิงฟ้ากับหมอกแอบดูอยู่ แล้วหมอกก็เอาผ้าห่มมาคลุมให้เมฆ
รุ่งเช้า ตะวันฉายยังคงพิมพ์งานอยู่ โดยที่นิคกับเอวาหลับอยู่ใกล้ๆ
เมฆตื่นขึ้นมาก็เห็นโน้ตที่มีลายมือหมอกตัวใหญ่เขียนว่า “สู้ๆครับพ่อ” แปะอยู่ เมฆยิ้มแล้วหยิบผ้าห่มมากอดอย่างมีความสุขแล้วแต่งเพลงต่อ

วันใหม่ ตะวันฉายพิมพ์ต้นฉบับออกมาจากเครื่อง แล้วเอามาดูด้วยความดีใจ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตะวันฉายกดรับ
“หวัดดีค่ะแม่”
เวลาผ่านไป เกริกไกรกับสายรุ้งมาหาถึงบ้านสวน แต่ยังไม่ทันจะเข้าบ้าน ตะวันฉายก็มาดึงพ่อกับแม่ไปนั่งแล้วแจกนิยายให้อ่าน
“พ่อกับแม่คงไม่รู้หรอกว่าซันดีใจแค่ไหนที่พ่อกับแม่มาวันนี้ เหมือนพระมาโปรดลูกเลย”
“ปากหวานแบบนี้จะให้ช่วยอ่านละสิ” สายรุ้งรู้ทัน
ตะวันฉายยิ้มเขินอายแต่ก็เปิดปึกนิยายในมือเกริกไกรกับสายรุ้งให้ทั้งสองอ่านจากหน้าที่ 1
“อ่านวันหลังได้ไหมลูก เพิ่งมาเหนื่อยๆขอคุยกับลูกสาวก่อน” เกริกไกรบอก
“ไม่ได้ค่ะ คุยกับซันน่ะเหนื่อยกว่าเยอะ อ่านเลยค่ะ”
เกริกไกรเห็นปึกนิยายแล้วก็ถอนใจ สายรุ้งแอบหยิกจนเกริกไกรถึงกับสะดุ้ง
“พ่อนี่ ถ้าขัดใจลูกอีกแม่จะหยิกให้เนื้อเขียวเลย”
“เอ่อ แม่....เมื่อกี้ได้ข่าวว่าหยิกไปแล้ว” เกริกไกรว่า
“อันนั้นคือลองเล็บ ถ้าพ่อไม่อ่าน คราวนี้แม่หยิกเป็นทางการแน่”
เกริกไกรรีบตั้งหน้าตั้งตาอ่าน สายรุ้งกับตะวันฉายยิ้มพร้อมกับขยิบตาให้กัน เกริกไกรเงยมามองเห็นทันที
“โห...ฮั้วกันเหรอ”
สายรุ้งเงื้อมือจะหยิกเกริกไกรจึงรีบก้มอ่าน

เมฆเปิดเพลงให้จอมสยามฟัง จอมสยามชอบใจจึงปรบมือใหญ่
“ไชโย้...ในที่สุดเพลงสุดท้ายของอัลบั้มนี้ก็เสร็จซะที” จอมสยามดีใจ
“จากนี้ไปผมก็ขอพักแล้วนะครับ” เมฆบอก
“เฮ้ย...ได้ไง ช่วงโปรโมตนี่ละที่นายต้องทำงานหนัก”
“อย่าเลยครับ ผมไม่ใช่นักร้อง พี่จอมโปรโมตนักร้องดีกว่าครับ”
“ไอ้เมฆ อัลบั้มนี้เป็นผลงานนายทั้งหมด นักร้องทั้งสิบคนเขามาร้องให้นาย แล้วนายจะมาเก็บตัวได้ไง”
“ได้สิพี่ ก็ผมไม่ชอบออกสื่อ”
“ไม่รู้ล่ะทางพีอาร์เขาส่งแผนโปรโมตมาแล้ว และพี่ก็ผ่านเรื่องนี้แล้วด้วย เพราะฉะนั้นนายห้ามเบี้ยว”
“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ”
“งานแรกเลยนะเห็นว่าจะจัดเล็กๆให้นายไปแจกลายเซ็นที่ร้านหนังสือก่อน”
เมฆอึ้งคิดถึงตะวันฉายขึ้นมาทันที “ร้านหนังสือเหรอครับ”
“ทำไมล่ะ ก็ตรงมุมขายซีดีไง”
เมฆพยักหน้ารับแต่แววตาซ่อนความคิดถึงตะวันฉายเอาไว้

ที่มุมเสวนาในร้านหนังสือ ที่แผงด้านหลังมีหนังสือ “ตะวันฉายในม่านเมฆ” และมีคำว่า Best seller ติดอยู่ เอวารับหน้าที่พิธีกรกำลังสัมภาษณ์ตะวันฉายอยู่โดยมีแฟนคลับของตะวันฉายห้อมล้อม ส่วนนิคกับยุทธการยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ในเฟซบุ๊คฝากถามมาว่า เรื่องของคุณตะวันฉายเล่มนี้เป็นเล่มจบสมบูรณ์ใช่ไหมคะ”
“ค่ะ...แต่จะมีเรื่องอื่นตามมาอีกแน่นอนนะคะ” ตะวันฉายตอบ
ยุทธการ นิค และแฟนคลับหัวเราะขำตะวันฉาย
“อีกคำถามนะคะ อย่างที่พวกเรารู้ๆกันว่าเรื่องนี้กำลังได้รับความนิยมเป็นอันดับสูงสุดของวรรณกรรมประเภทนิยาย พวกเราอยากรู้ไหมคว่าคุณซันได้แรงบันดาลใจจากไหน”
แฟนคลับต่างตอบว่าอยากรู้
ตะวันฉายยิ้ม “ก็คงเหมือนๆนิยายความรักทุกเรื่อง แรงบันดาลใจก็ต้องมาจากความรัก”
แฟนคลับคนหนึ่งตะโกน “งั้นเปิดเผยคุณเมฆให้พวกเราเห็นได้ไหม อยากเห็นค่ะ”
แฟนๆ คนอื่นๆ เป่าปากเรียกร้อง
ตะวันฉายยิ้มเศร้า “ถึงนิยายของซันจะได้แรงบันดาลใจจากความรัก แต่ความรักในชีวิตจริงกับในนิยายไม่ได้เหมือนกันเสมอไปหรอกค่ะ”
“นี่จึงเป็นที่มาของข้อความท้ายเล่มใช่ไหมคะ” เอวาถาม
“ค่ะ” ตะวันฉายพยายามยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้า

เวลาผ่านไป ตะวันฉายนั่งเซ็นหนังสือและถ่ายรูปกับแฟนคลับ ยุทธการ นิค และเอวายืนดูตะวันฉายกับแฟนคลับอยู่ที่มุมหนึ่ง
“เฮ้อ...แปลกนะ วันที่ความฝันของซันมันสำเร็จ แต่ทำไมดูมันไม่มีความสุขเลย” นิคเปรยออกมา
“เพราะซันคงอยากให้ใครสักคนมาร่วมยินดีด้วยนะสิ” ยุทธการบอก
ทั้งสามมองตะวันฉายด้วยความเห็นใจ

ที่มุมขายซีดี เมฆก็กำลังเซ็น CD และถ่ายรูปกับแฟนคลับอย่างวุ่นวาย จอมสยามเดินถือไมค์เข้าไปหา
“เอาละครับ พอดีคุณเมฆ ต้องไปให้สัมภาษณ์วิทยุอีก ถ้ายังไงขอเชิญทุกคนไปที่นั่นได้นะครับ”
ทีมงานเดินเข้ามาพาเมฆออกจากร้าน แฟนคลับเดินห้อมล้อมตามมา โดยมีจอมสยามเดินไปด้วยสีหน้ายิ้มอย่างมีความสุข

ระหว่างที่จะออกจากร้านทีมงานคนหนึ่งยกฉากรูปหนังสือ ตะวันฉายในม่านเมฆ ผ่านมา เมฆเห็นก็สะดุดตาจึงรีบเดินไปหาทีมงานคนนั้นทันที
“เอ่อ....นี่หนังสือเหรอครับ”
“ครับ เพิ่งจัดงานเสวนาไปเมื่อเช้า”
“แล้วใครเป็นคนแต่งครับ”
“รู้สึกก็ชื่อตะวันฉายนี่ละครับ พี่ลองไปดูหนังสือตรงโน้นก็ได้ครับ ตรงที่มีป้าย Best Seller น่ะครับ”
เมฆจะเดินไปแต่จอมสยามดึงแขนไว้
“เมฆ จะไปไหนเดี๋ยวไม่ทัน”
เมฆลังเล “ผมขอห้านาทีนะครับ”
เมฆรีบเดินแยกไป
เมฆเดินมาถึงมุมหนังสือแล้วเห็นหนังสือชื่อตะวันฉายในม่านเมฆวางเต็มไปหมด จอมสยามเดินตามมาดู
“เฮ้ย...นี่ซันเขาเขียนนิยายออกมาแล้วเหรอ เก่งจริงๆ ซื้อสักเล่มสิ” จอมสยามบอก
เมฆเอามือสัมผัสหนังสือแต่ยังไม่หยิบพร้อมทั้งมองอย่างใช้ความคิด

เมฆสะพายกระเป๋าเป้เดินเข้ามาในบ้าน หมอกกำลังงอแงแม้อิงฟ้าจะกล่อมก็เอาไม่อยู่
“หมอกเป็นอะไรน่ะฟ้า” เมฆถาม
“จะอ่านนิยายน่ะสิ” อิงฟ้าตอบ
“พ่อครับ หมอกอยากอ่าน ให้หมอกอ่านนะครับ”
“นิยายอะไรเหรอครับหมอก”
“นิยายของพี่ซันครับ หมอกคิดถึงพี่ซัน ให้หมอกอ่านนะครับ”
อิงฟ้าเดินไปหยิบนิยายจากหลังตู้มาส่งให้เมฆ
“คุณซันส่งหนังสือมาให้ ฟ้าก็ยังไม่ได้อ่านเลย เมฆจะเอาไปอ่านก่อนไหม” อิงฟ้าถาม
“หมอกอ่านก่อน....นะค้าบบ”
“ไว้หมอกโตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยอ่านนะครับคนดี” เมฆบอก

หมอกหน้างอ เมฆยิ้มแล้วจะเดินไปแต่อิงฟ้าถามขึ้น
“แล้วนิยายล่ะเมฆ”
เมฆมองนิยายแล้วจะอ้าปากพูดแต่อิงฟ้าเอานิยายใส่มือเขาแล้วพูดขึ้นก่อน
“เมฆอ่านก่อนนะ”
เมฆเดินขึ้นชั้นบนไป

ตะวันฉายเปิดวิทยุแล้วเดินไปหวีผม
เสียงดีเจในวิทยุดังขึ้น “จบไปแล้วนะคะสำหรับเพลงอันดับที่สองสัปดาห์นี้ และตอนนี้ก็มาถึงอันดับที่หนึ่ง ที่ครองชาร์ทมาเป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้วค่ะ ข่าวว่าอาทิตย์นี้อัลบั้มเต็มวางแล้วด้วยนะคะ เพลงจากนักแต่งเพลงรูปหล่อที่ตอนนี้ดังซะยิ่งกว่านักร้องซะอีก หล่อและเก่งอย่างเหมาะแล้วกับอันดับที่ 1 ในใจผู้ฟังทุกคน”
เพลงที่เมฆกับตะวันฉายเคยแต่งด้วยกันดังขึ้น
ตะวันฉายที่หวีผมอยู่ถึงกับชะงัก เธอเดินมานั่งฟังวิทยุด้วยความเศร้า
“ยินดีด้วยนะคะคุณเมฆ”

เมฆนั่งฟังเพลงของตัวเองผ่านวิทยุ แล้วเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เมฆกดรับ
เสียงจอมสยามดังมาจากปลายสาย “เฮ้ย...เมฆ เป็นไงครองอันดับ 1 มาเดือนแล้วนะ นายนี่มันเก่งจริงๆ”
“ขอบคุณครับพี่จอม”
“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก พี่ต้องขอบคุณนายที่ไม่ทำให้พี่และค่ายผิดหวัง อ้อ...แล้วนายได้เจอซันบ้างหรือเปล่า จนป่านนี้เข้ายังไม่มาติดต่อเรื่องผลประโยชน์ของเขาเลย ถ้าไงเจอก็บอกให้โทรกลับพี่บ้างนะ”
“ครับผม”
เมฆวางสายแล้วนั่งฟังเพลง เขามองไปที่หนังสือนิยายที่วางบนโต๊ะแล้วก็เปิดกระเป๋าเป้หยิบนิยายอีกเล่มที่เขาซื้อมาเองเปิดอ่าน

เวลาผ่านไป เมฆอ่านไปได้ถึงครึ่งเล่ม ภาพของเขากับตะวันฉายจากอดีตผุดขึ้นมาในหัวของเมฆ
เมฆเปลี่ยนอิริยาบถในการอ่านไปตามมุมต่างๆของห้อง
“พยาบาลดึงม่านปิดเพื่อความสะดวกในการช่วยชีวิตเมฆ ตะวันฉายยอมที่จะนั่งทำแผลที่เตียงของเธอทั้งๆที่เธอไม่มีความรู้สึกใดๆกับแผลนั้น เธอรู้ตัวดีว่าสิ่งเดียวที่เธอคิดในตอนนี้คือเธอต้องการให้เมฆปลอดภัย เพราะถ้าเขาเป็นอะไรไปชีวิตเธอคงอยู่ต่อไปอย่างยากลำบาก หรือว่านี่จะเป็นคำตอบให้ตัวเธอแล้วว่ามันคือความรักจริงๆ ความรักที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ ความรักที่ต้องการการร่วมทุกข์ร่วมสุข หาใช่ความรักเพ้อฝันอย่างที่เธอเคยมีต่อธีรภพในสมัยเรียนหนังสือ ใช่แล้วนี่คือความรักของตะวันฉายที่มีต่อเมฆนั่นเอง”
พออ่านถึงตรงนี้เมฆก็ชะงักไป
ท้องฟ้าเริ่มสางแล้ว แต่เมฆก็ยังนั่งอ่านจนถึงหน้าสุดท้าย

อ่านละคร ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 14/3 วันที่ 17 ม.ค. 56

ตะวันฉายในม่านเมฆ บทประพันธ์โดย ภาวิน
ตะวันฉายในม่านเมฆ บทโทรทัศน์โดย
กฤษณ์ มงคลเกษม,พิมพ์พชา รุ่งประพันธ์,วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ตะวันฉายในม่านเมฆ กำกับการแสดงโดย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ
ตะวันฉายในม่านเมฆ ดำเนินการผลิต ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิ์เวช
ตะวันฉายในม่านเมฆ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่มา manager