@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 4 วันที่ 1 ก.พ. 56

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 4 วันที่ 1 ก.พ. 56

ข่มไว้เพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดี นาถสุดารบเร้าอยู่พักใหญ่แต่ไม่ได้ผลจึงถอดใจขอตัวกลับ ภุชคินทร์ถอนใจอย่างโล่งอกที่ควบคุมตัวเองได้ดี พลันนึกถึงตำนานนาคีเทวีที่อ่านค้างไว้ รีบกลับไปห้องแต่ต้องผิดหวังเพราะหน้านั้นหายไปแล้ว เจ็บใจตัวเองที่น่าจะเซฟเก็บไว้

เวลาเดียวกันหน้าเฮือนภูจำปา...ไพศิษฐ์จอดรถหน้าประตู ตั้งท่าจะกดกริ่งแต่ประตูเปิดออกเสียก่อน ชรายุก้าวออกมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่าเจ้าอุรคารอเขาที่ด้านใน ไพศิษฐ์ถึงกับอึ้ง พรั่นพรึงนิดๆเพราะเหมือนทุกคนที่นี่จะรู้ล่วงหน้าและเตรียมการต้อนรับอย่างเสียวสันหลังทุกครั้ง

ไพศิษฐ์ก้าวขึ้นเฮือนอย่างเกร็งๆ สะดุดตารูปสลักพญานาคขนาดใหญ่ ขดอยู่บนฐานสูงมุมหนึ่งของห้อง ดวงตาแดงโปนเหมือนเฝ้ามองเขาตลอดเวลา เจ้าอุรคาปรากฏตัวที่ด้านหลัง ทักยิ้มๆว่าสนใจรูปปั้นพญานาคชื่อนาคินีมากหรือ ไพศิษฐ์สะดุ้งสุดตัวและหันมายิ้มให้เจื่อนๆ ตัดสินใจพูดเข้าประเด็นว่าอยากขอเบาะแสเกี่ยวกับคดีสุบรรณเพราะเห็นเธอสนิทกับเขาเป็นพิเศษ เจ้าอุรคารับคำและขอตัวกลับเข้าเฮือน ผู้กองหนุ่มมองตามอย่างพิศวงแต่ไม่ติดใจอะไรมากกว่านั้น ตั้งท่าจะกลับแล้วชะงักเมื่อเห็นนาถสุดายืนอยู่หน้าเฮือน


ไพศิษฐ์ฉุดกระชากลากถูแฟนสาวออกจากเฮือน ภูจำปาเพราะเป็นห่วง นาถสุดายื้อยุดอย่างสุดความสามารถ บอกว่ามีธุระสำคัญกับเจ้าอุรคา ผู้กองหนุ่มเลิกคิ้วคว้าถุงใน มือแฟนสาวมาดู เห็นเป็นไม้แกะสลักพญานาคก็อึ้งแต่ไม่ยอมปล่อยมือ ขู่ให้กลับถ้าไม่อยากมีเรื่องกับเขา นาถสุดาถอนใจ ตะบึงตะบอนกลับไปขึ้นรถอย่างหัวเสีย ตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องกลับมาอีกให้ได้ ทั้งสองขับรถออกไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าเจ้าอุรคามองมาจากในเฮือนด้วยแววตาสาสมใจ...

คืนเดียวกันที่ร้านอาหารของพะนอฤดี...เฟื่องฟ้าบ่นลูกสาวที่ไม่ยอมพาไปร้านหรูๆ เฟื่องวลีหน้าตึงและบอกว่าเปลือง รอให้ได้แต่งงานกับภุชคินทร์เสียก่อน จะพาแม่ไปจนเบื่อ พะนอฤดีแอบฟังที่ด้านหลัง แสยะยิ้มเหยียดๆ แกล้งปรากฏตัวและแขวะด้วยความหมั่นไส้ที่มักใหญ่ใฝ่สูงแต่ไม่ขวนขวายหาด้วยตัวเอง สองแม่ลูกโกรธจนตัวสั่น ตั้งท่าสวนแต่โดนพะนอฤดีตัดหน้าไล่ออกจากร้าน เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีกระฟัดกระเฟียดออกไป พะนอฤดีมองตามอย่างหนักใจที่สองแม่ลูกรวมหัวกันจับภุชคินทร์สุดฤทธิ์...แล้วเธอจะสู้ไหวไหม

ooooooo

สุบรรณกระวนกระวายถึงเจ้าอุรคาที่หายเงียบไปหลังจากเจอกันครั้งสุดท้ายในคาสิโน ดื่มเหล้าจนเมามายด้วยพิษรัก พยายามหักห้ามใจที่จะไม่ใส่ใจเรื่องเธอ...เขามาทำงานที่สภาในเช้าวันถัดมาด้วยสีหน้าไม่สดชื่นนัก เจอกับกองทัพนักข่าวที่รุมสัมภาษณ์ เกี่ยวกับคดีอุบัติเหตุของหมอรุ่งโรจน์

“มีข่าวว่าท่านสั่งให้ปิดคดีนี้อย่างเร่งด่วน เพราะกลัวมีข่าวพาดพิงถึง”

“พาดพิงอะไร ผมไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับคุณหมอรุ่งโรจน์อยู่แล้ว”

ไพศิษฐ์กับภุชคินทร์ที่เดินตามมาทีหลัง ได้ยินเข้าก็มองหน้ากันงงๆ สุบรรณตอบคำถามนักข่าวอย่างคนรู้ทางแล้วตัดบทออกไปพร้อมกับอำนาจ ภุชคินทร์หันมาถามเพื่อนรักถึงเรื่องคาใจ

“ทำไมท่านสุบรรณถึงบอกว่าไม่สนิทกับหมอรุ่งโรจน์วะศิษฐ์”

“คงไม่อยากตอบคำถามยาวๆมั้ง แต่ฉันกำลังสงสัยว่าท่านจะเป็นเป้านิ่ง เพราะคนตายช่วงนี้ล้วนแต่เคยเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับท่านสุบรรณทั้งนั้น”

ภุชคินทร์ครุ่นคิดตามข้อสันนิษฐานของเพื่อนแล้วชักเครียด เป็นห่วงเจ้าอุรคาที่สนิทกับสุบรรณเช่นกัน

ขณะที่ทางตำรวจหัวหมุน...เสี่ยทรงยศหัวเราะอย่างชอบใจ เห็นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวความ เกี่ยวข้องของสุบรรณกับบรรดาผู้ตายในคดีต่างๆ สั่งสมศักดิ์ลูกน้องคนสนิทให้จัดการคนอื่นๆเพื่อกระพือเรื่องให้ฉาว มากขึ้น...อยากรู้นักว่าคราวนี้สุบรรณคู่ปรับคนสำคัญจะแก้ตัวว่าอย่างไร

เวลาเดียวกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง...หม่อมภาณีมาเพื่อพบกลุ่มเพื่อนที่สมาคมกับนารีวรรณ เจอกับเจ้าอุรคาโดยบังเอิญจึงไปทัก ดีใจจนออกนอกหน้าและชวนราชนิกุลสาวไปทานของว่างเพื่อสอบถามเรื่องประวัติเครื่องประดับประจำตระกูลภูจำปา เจ้าอุรคาแกล้งถามว่าภุชคินทร์ไม่เคยเล่าหรือ สองแม่ลูกมองหน้ากันงงๆ นึกไม่ออกว่าภุชคินทร์คุ้นเคยกับหญิงสาวคนสวยตรงหน้านี้ตั้งแต่ เมื่อไหร่ เจ้าอุรคายิ้มอย่างพอใจแล้วอธิบายเป็นนัยๆ

“ดิฉันกับคุณชายรู้จักกัน...เราเคยอยู่ที่เดียวกันมาก่อน แล้วก็สนิทกันมาก”

สองแม่ลูกอึ้งหนักกว่าเดิมแต่ไม่ทันถามอะไร คุณหญิงอัญชลีพรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่สมาคมเดินมาทักเสียก่อน หม่อมภาณีมองมาอย่างเกรงใจ เจ้าอุรคายิ้มให้และพยักหน้าอย่างเข้าใจ หม่อมภาณีไปคุยกับเพื่อน ทิ้งให้นารีวรรณนั่งคุยและชักชวนเจ้าอุรคามาเดินแบบใน งานการกุศลของสมาคม ราชนิกุลสาวปฏิเสธเพราะไม่คุ้นเคยแต่พอมีความสามารถพิเศษอย่างอื่น นารีวรรณมองงงๆ ส่วนเจ้าอุรคายิ้มมีเลศนัยแล้วยื่นของบางอย่างให้

เย็นวันเดียวกันที่วังนาเคนทร์...ภุชคินทร์คร่ำเคร่งกับการค้นหาตำนานนาคีเทวีบนอินเตอร์เน็ต เสียงเคาะประตูดังขึ้น หม่อมภาณีเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เล่าเรื่องที่เจอเจ้าอุรคาในโรงแรม พูดคุยเรื่องประวัติสมบัติประจำตระกูลค้างไว้เลยมาขอเบอร์โทร.จากเขาเพราะเห็นว่าสนิทกัน ภุชคินทร์อึ้งไปอึดใจแล้วกลบเกลื่อนถามเรื่องงานการกุศลของสมาคม หม่อมภาณีรู้ทันว่าลูกชายบ่ายเบี่ยง กระเซ้าลูกยิ้มๆว่าเจ้าอุรคาจะไปร่วมงานด้วย ชายหนุ่มตะลึง มองแม่อย่างคาดไม่ถึง...นี่เขายังต้องเจอเธออีกหรือ

ooooooo

ภุชคินทร์ครุ่นคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าอุรคาอย่างหนักใจ นับวันหญิงสาวชักจะมีอิทธิพลในชีวิตทั้งต่อตัวเขาและคนรอบข้าง นารีวรรณเดินมาหาด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม เล่าให้ฟังเรื่องเจ้าอุรคาตกลงไปงานของสมาคมและจะร่วมแสดงบนเวทีด้วย ภุชคินทร์ทำหน้างง นารีวรรณเลยจับมือพี่ชายขึ้นมาและล้วงบางสิ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ

ภุชคินทร์มองลูกแก้วสีเขียวอ่อนแปลกตาด้วยความพิศวง นารีวรรณบอกว่าเจ้าอุรคาจะแสดงการเล่น กลบนเวที ชื่นชมราชนิกุลสาวอย่างออกนอกหน้าว่า เก่งมาก ภุชคินทร์หมั่นไส้ท่าทีปลื้มจัดของน้องสาว แกล้งพูดว่าไม่เห็นพิเศษตรงไหน แค่เล่นกลกับลูกแก้วธรรมดา นารีวรรณหน้าหงิกที่โดนขัดแต่ไม่โกรธ กระเซ้าพี่ชายยิ้มๆ

“ลูกแก้วธรรมดาที่ไหนล่ะคะ เจ้าอุรคาเธอว่าเป็นกรวดพิเศษที่ไม่มีใครเห็น มีเพียงพี่ชายเท่านั้นที่รู้จักดี”

ภุชคินทร์ทำหน้าเหวอเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน นารีวรรณแซวพี่ชายเรื่องความสนิทสนมกับเจ้าอุรคาแล้วขอตัวไปนอน ภุชคินทร์มองตามน้องและลูกแก้วในมืองงๆ นึกขวางเจ้าอุรคาที่ช่างกล้าพูดว่าคุ้นเคยกับเขา... ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าเจ้าอุรคานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนเฮือนภูจำปา...แล้วเราจะได้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ภุชเคนทร์!

ภุชคินทร์เดินเล่นในสวนอีกพักใหญ่เพราะนอนไม่หลับ เจ้าอุรคาถอดจิตมาเยื้องกรายข้างๆแต่ไม่มีคนเห็น ชายหนุ่มจะขึ้นตึกแล้วชะงัก เห็นตาสินยืนก้มๆเงยๆ ที่หน้าประตู บอกว่าต้องตรวจตราสวนเป็นพิเศษเพราะตั้งแต่เหตุการณ์รอยเท้าพญานาคหน้ารั้วคราวก่อนทำให้นอนผวาตลอด กลัวเหลือเกินว่าจะกลายมาเป็นเจ้าที่แทนพระภูมิ ภุชคินทร์เลิกคิ้วแล้วถามว่าอะไรทำให้คิดว่าพญานาคจะมาแทน ตาสินทำหน้าแหยงๆเล่าให้ฟังเสียงสั่น

“ผมเคยแอบพาพระอาจารย์มานั่งดูครับ ท่านบอกว่าพระภูมิไปแล้ว แต่มีเจ้าที่มีอำนาจแรงกล้ามาเยี่ยมเยือนเป็นครั้งคราว แต่ท่านบอกว่าไม่ต้องกลัว เจ้าเขามาดีไม่ได้มาร้าย”

ภุชคินทร์หน้าเครียดขึ้นทันที ต่างจากเจ้าอุรคาที่ มองมาด้วยสายตาเศร้าสร้อย ราชนิกุลหนุ่มกลับขึ้นห้องด้วยท่าทีหงุดหงิด สังหรณ์ใจว่าเจ้าอำนาจแรงที่ตาสินพูดถึงคือเจ้าอุรคา เขาสะบัดหน้าเรียกสติ เก็บลูกแก้วลงลิ้นชักและพยายามข่มตานอน...อย่าคิดไปเรื่อยน่าภุชคินทร์...เจ้าอุรคาแค่คนไม่ปกติ ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์อภินิหารอะไรหรอก!

ด้านไพศิษฐ์...คาใจเรื่องนาถสุดาไปมาหาสู่เจ้าอุรคาอย่างคนคุ้นเคย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนพูดว่า หญิงสาวไม่น่าไว้ใจ นาถสุดาชักฉุนที่โดนเซ้าซี้ไม่เลิกจึงขู่จะไม่พูดด้วยถ้าไม่หยุด ผู้กองหนุ่มยอมแพ้และขอตัวไปคุยกับพันเอกนรินทร์ นาถสุดานึกขวางแฟนหนุ่มที่สงสัยอะไรไม่เข้าเรื่อง ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าตัวเองต่างหากที่เปลี่ยนไป

พันเอกนรินทร์ยิ้มอย่างพอใจที่เห็นไพศิษฐ์ช่วยรดน้ำต้นไม้ บอกให้รดเยอะๆ เพราะต้นพญานาคราชชอบน้ำ ผู้กองหนุ่มรับคำ บ่นเรื่องแฟนสาวด้วยความหงุดหงิดที่สนิทสนมกับเจ้าอุรคาอย่างผิดสังเกต พันเอกนรินทร์รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของลูกสาวดีแต่ไม่อยากอธิบาย พูดเป็นนัยเสียงอ่อน

“เมื่อก่อนนาถอาจใช้แต่อารมณ์เลยรู้สึกไม่ชอบ แต่พอนาถได้รู้จักตัวตนเจ้าอุรคาเลยเปลี่ยนใจ”

“ที่ผมสงสัย...นาถไปรู้จักมักคุ้นกับเจ้าอุรคาตั้งแต่ตอนไหนล่ะครับ”

“ถึงไม่รู้จัก แต่บางคนอาจใช้ใจสัมผัสกัน อย่างที่เขาเรียกว่าจิตสัมผัสไงล่ะ”

ไพศิษฐ์ทำหน้าสยองแค่คิดว่าต้องทำจิตสัมผัสกับเจ้าอุรคา พันเอกนรินทร์ขำท่าทีหวาดระแวงของว่าที่ลูกเขยแต่เลือกไม่พูดอะไร บอกให้ลองดู เผื่อจะสัมผัสได้ว่าเจ้าอุรคาไม่ได้น่ากลัวหรือไม่ดีอย่างที่คิด ผู้กองหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ ไม่เชื่อแต่ขัดไม่ได้...สองพ่อลูกท่าทางจะกลายเป็นสาวกเจ้าหญิงต่างแดนอีกคู่

ooooooo

ภิงคารไหว้วานภุชคินทร์ให้พามาดามแฮมิลตันภริยาท่านทูตต่างประเทศไปดูเครื่องประดับโบราณ ชายหนุ่มจึงพาไปร้านของเจ้าประกายคำที่ต้อนรับขับสู้อย่างดี สองราชนิกุลถามสารทุกข์สุกดิบกันพอสมควร เจ้าประกายคำเปรยเสียงเศร้าถึงการโจรกรรมครั้งก่อนว่ายังไม่ได้ของคืน แต่ที่กิจการยังดีเพราะเจ้าอุรคายื่นมือเข้าช่วย

ทันใดนั้นเอง...เจ้าอุรคาปรากฏตัวยิ้มพรายมาแต่ไกล เจ้าประกายคำยิ้มรับอย่างยินดี ฝากภุชคินทร์ให้ช่วยดูแลแทนเธอที่จะกลับมาดูมาดามแฮมิลตัน ภุชคินทร์ลำบากใจแต่เจ้าอุรคายิ้มอย่างพอใจ

ภุชคินทร์พาเจ้าอุรคาไปทานของว่างที่ร้านกาแฟใกล้ร้านเจ้าประกายคำ อึดอัดที่ต้องเจอและอยู่ตามลำพังกับหญิงสาว ต่างจากเจ้าอุรคาที่มองมาตาเป็นประกายราวกับสาวน้อยแรกรัก ปลื้มใจได้มีโอกาสใช้เวลากับเขา ภุชคินทร์หันหน้าหนีไม่ยอมสบตาด้วยเพราะไม่ชอบสายตาแบบนั้น เปรยอย่างเครียดๆ

“เจ้าไม่รู้สึกหรือครับว่าเราเจอกันบ่อยไป”

“ไม่ค่ะ...ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ ดิฉันก็ดีใจที่ได้เจอคุณชาย”

ภุชคินทร์เขินแต่กลบเกลื่อนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม รู้สึกแปลกๆที่โดนจีบซึ่งหน้า เจ้าอุรคายิ้มอย่างชอบใจและเล่าเรื่องเจอหม่อมภาณีกับนารีวรรณเมื่อวันก่อน ถามถึงลูกแก้วว่าเขาเห็นอะไรในนั้นบ้าง ภุชคินทร์บอกไม่เห็นแล้วเมินหน้าหนีอย่างรำคาญ เจ้าอุรคาน้อยใจท่าทีมึนตึงแต่ไม่ละความพยายาม สบตานิ่งและยื่นมือไปข้างหน้า ทำให้เห็นลูกแก้วและรอดูปฏิกิริยาของเขาที่ถึงกับผงะ ราชนิกุลสาวแกล้งพูดว่าเธอเล่นกลเก่ง ภุชคินทร์มองตาเธอนิ่งราวกับโดนสะกดจิต เจ้าอุรคามองมาอย่างพอใจแล้วพูดต่อช้าๆแต่หนักแน่น

“มองหน้าดิฉัน คุณชายไม่เห็นอะไรหรอกค่ะ คุณชาย ต้องมองลูกแก้วถึงจะเห็นบางอย่างที่อาจหลงลืมไป”

ภุชคินทร์มองลูกแก้วอย่างพินิจ ภาพความทรงจำในอดีตเมื่อหลายปีก่อนค่อยๆหลั่งไหลเข้ามา เป็นภาพอัญมณีสีเขียวจางปนสีแดงเลือด ขนาดและความวาวเหมือนกับลูกแก้วของเจ้าอุรคาไม่ผิดเพี้ยน แต่ครั้งนั้นมันประดับอยู่บนหัวแหวนที่หม่อมภาณีมอบให้เขาก่อนไปเรียนต่อต่างประเทศ เสียงของมารดาเมื่อคราวนั้นดังขึ้นในหัว

“แหวนวงนี้ท่านพ่อตั้งใจทำไว้ให้ชาย แต่ท่านจากไปเสียก่อนเลยไม่ได้มอบให้ แม่ขอมอบให้ชายจ้ะ ชายจะได้รู้ว่าท่านพ่อและแม่อยากอยู่กับชายตลอดไป”

ภุชคินทร์น้ำตาคลอ เห็นภาพตัวเองกอดแม่แน่นด้วยความคิดถึงพ่อจับใจ พูดเหมือนละเมอเล่าถึงเรื่องราวหลังจากนั้นว่าทำแหวนหาย ความรู้สึกผิดที่กักเก็บมานานถาโถม เขาพยายามลืมความผิดพลาดนั้นแต่มันไม่เคยหายไป ภุชคินทร์สะดุ้งตื่นจากภวังค์ มองลูกแก้วและหน้าเจ้าอุรคาอย่างงุนงง

“ใบหน้าคุณชายมีคำถามมากมายเหลือเกิน คุณหนูนาไม่ได้บอกหรือคะว่าดิฉันเล่นกลเก่งพอๆกับเป็นหมอดู”

ภุชคินทร์นิ่งเงียบ เจ้าอุรคาดูออกว่าเขาลังเล ตัดสินใจพูดเป็นนัยๆเพื่อสื่อให้เขารู้ถึงเรื่องราวในอดีต

“เรื่องดูดวงถือเป็นความพิเศษเล็กๆน้อยๆของดิฉัน จุดสำคัญอยู่ที่หัวแหวนของคุณชายคืออัญมณีครุฑธิการ”

“ครุฑธิการ...หนึ่งในเครื่องประดับประจำตระกูลของเจ้าน่ะหรือครับ”

“อัญมณีที่แสนหายาก เกิดจากตำนานเก่าแก่ ตำนาน ครุฑจับนาค นาคเลยกระอักเลือดออกมาครั้งแรกเป็นสีเขียวคล้ำเรียกว่านาคสวาท ครั้งที่สองเลือดจางหน่อยคือมรกต และครั้งที่สามน้ำลายปนเลือดคือครุฑธิการ”

จบคำเจ้าอุรคา ภุชคินทร์รู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง ภาพนาคถูกครุฑจิกกัดจนตายแวบขึ้นในหัว ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกและรู้สึกตัวอีกครั้งบนเตียงนอนที่วังนาเคนทร์ เขามองรอบห้องอย่างแปลกใจ...นี่เขาฝันว่าเจอเธออีกแล้วหรือ!

ooooooo

สุบรรณคิดถึงเจ้าอุรคาจนไม่มีแก่ใจทำงาน หาเรื่องไปเจอหญิงสาวที่เฮือนภูจำปา ตัดพ้อด้วยความน้อยใจที่เธอไม่แยแสหรือใส่ใจติดต่อหาเขา เจ้าอุรคายิ้มหยัน ย้อนกลับเสียงเรียบว่าถึงไม่ถาม เขาคงอยากบอกเอง สุบรรณของขึ้นเพราะน้อยใจโต้ กลับอย่างเคืองๆ

“ใช่...ที่ผมเป็นอย่างนี้เพราะเจ้า วันๆก็เอาแต่คิดถึงเจ้า กินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่เจ้าไม่เคยดูดำดูดีผมเลย”

“แล้วมันแปลกตรงไหนคะ หรือผู้หญิงทุกคนต้องเป็นฝ่ายเข้าหาท่านสุบรรณ”

“ผู้หญิงคนไหนๆผมก็ไม่สนทั้งนั้น ผมสนแต่เจ้าเพราะผมรักเจ้า รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน”

เจ้าอุรคานิ่งเงียบ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ดูเย็นเยียบน่ากลัว สุบรรณกลัวเธอจะเคือง กล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่าไม่อยากเร่งรัดแต่อยากให้รับเขาไว้พิจารณา เจ้าอุรคาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยทันที

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ ห้วงเวลาไหน ดิฉันก็ไม่รักคุณ...ไม่เคยรักคุณ”

สุบรรณแทบหมดแรง ผลุนผลันออกไปอย่างหัวเสีย เจ็บใจแต่ไม่ยอมแพ้...เจ้าอุรคาต้องเป็นของเขาคนเดียว!

ขณะที่สุบรรณหัวใจสลาย...ภุชคินทร์ครุ่นคิดเรื่องอัญมณีทั้งสามของเจ้าอุรคาด้วยความสงสัย นึกถึงลูกแก้วเจ้าปัญหา จำได้ว่าเก็บไว้ในลิ้นชักแต่เมื่อเปิดออกดูกลับไม่พบ ชายหนุ่มถึงกับอึ้ง ก้าวพรวดออกจากห้องไปหาน้องสาว นารีวรรณเปิดประตูห้องด้วยใบหน้างัวเงีย เลิกคิ้วอย่างงงงันที่พี่ชายถามหาลูกแก้ว เย้ายิ้มๆว่าเล่นกลกับ เจ้าอุรคาจนหายไปหรือเปล่า ภุชคินทร์ไม่ขำด้วย ขนลุกซู่เพราะสิ่งที่น้องแหย่เหมือนกับที่เขาสังหรณ์ไม่มีผิด!

เวลาเดียวกันที่เฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคานั่งหน้าเศร้า รับรู้ด้วยญาณพิเศษว่าภุชคินทร์เครียดเรื่องตน ชรายุพูดอย่างรู้ใจว่าอีกไม่นานชายหนุ่มต้องมาหาคำตอบจากเจ้านายสาวแน่ สมควรอย่างยิ่งที่จะทำให้เขาร้อนรนเพื่อกระตุ้นความอยากรู้ เจ้าอุรคาอึ้งไปนิด ต่างจากสาวใช้คนสนิทที่มองมาด้วยแววตามีเลศนัย

ooooooo

ภุชคินทร์มาหาเจ้าอุรคาที่เฮือนอย่างที่ชรายุคาดไว้ มองไปที่ตั้งเฮือนหลังใหญ่แล้วถึงกับตาค้างเมื่อเห็นมันค่อยๆเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา ชายหนุ่มทรุดตัวลงกับพื้น ตะโกนเสียงดังอย่างหงุดหงิด...เจ้าอุรคามองมาจากในเฮือนด้วยดวงตาเศร้าหมอง สงสารภุชคินทร์แต่ต้องทำใจแข็งเพื่อลองใจ

ฟากสุบรรณ...กลับบ้านอย่างอารมณ์ค้าง แค้นใจไม่หายที่โดนเจ้าอุรคาปฏิเสธสัมพันธ์ อำนาจรับหน้าเจ้านายด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่รู้จะปลอบยังไง สุบรรณเครียดจัด สั่งมือขวาคนสนิทให้สะกดรอยตามเจ้าอุรคาอย่าให้คาดสายตาแล้วรายงานเขาทุกวัน อำนาจรับปากอย่างขันแข็ง ต่างจากสุรินทร์ที่ลอบมองจากอีกมุมอย่างดูแคลน ดักรออำนาจและถามถึงเจ้านายหนุ่มอย่างตำหนิว่าจะไปทำงานด้วยสภาพงุ่นง่านเช่นนี้หรือ

“เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นเจ้าคนนายคน ถ้าอ่อนแอแล้วใครจะศรัทธา”

“ยังไงนายสุบรรณก็เป็นคนเข้มแข็ง ฉันเชื่อว่าคนข้างนอกไม่มีทางเห็นนายอ่อนแอ เว้นเสียแต่จะมีคนไปพูดอีกอย่าง...เป็นขี้ข้า ไม่มีหน้าที่นินทาเจ้านาย”

อำนาจผลุนผลันออกไปอย่างเคืองๆ สุรินทร์มองตามด้วยความไม่พอใจ...คนอย่างเขาไม่มีวันเป็นขี้ข้าคนอ่อนแอแน่!

ฝ่ายภุชคินทร์...ไปทำงานที่กระทรวงอย่างใจลอยเพราะกลุ้มเรื่องเจ้าอุรคา ได้ยินภิงคารสั่งลูกน้องให้สืบประวัติหญิงสาวอย่างละเอียด เพราะไม่มั่นใจข้อกล่าวหาของทางตำรวจว่าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มนินจัตสุ ชายหนุ่มอาสาช่วยอีกแรงเพราะอยากรู้เรื่องราวของเจ้าหญิงต่างแดนผู้ลึกลับให้มากขึ้น เริ่มด้วยการกลับไปที่เฮือนภูจำปาอีกครั้งหลังเลิกงาน เจ้าอุรคามองมาจากข้างในเฮือน พูดกับชรายุอย่างร้อนรน

“เรากลัวภุชเคนทร์จะหลงทาง เขามาตามหาเรานะชรายุ...เราจะเปิดทางให้เขา”

เจ้าอุรคาหุนหันออกไปแล้ว ชรายุมองตามเจ้านายสาวอย่างอ่อนใจ...สุดท้ายก็ใจอ่อนให้กับความรักทุกที

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 4 วันที่ 1 ก.พ. 56
ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ