อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 4 วันที่ 2 ก.พ. 56
เจ้าอุรคาหุนหันออกไปแล้ว ชรายุมองตามเจ้านายสาวอย่างอ่อนใจ...สุดท้ายก็ใจอ่อนให้กับความรักทุกทีภุชคินทร์ตื่นเต้นเมื่อในที่สุดเฮือนภูจำปาก็กลับมาตั้งตระหง่านเหมือนเดิม รีบจอดรถและเดินเข้าไป ไม่ทันสังเกตว่าอำนาจที่ซุ่มหน้าประตูแอบตามไปอย่างเงียบๆ ภุชคินทร์สะดุ้งสุดตัวเมื่อเจ้าอุรคาปรากฏตัวที่ด้านหลัง ต่อว่าอย่างหงุดหงิดที่เธอชอบทำตัวลับๆล่อๆ เจ้าอุรคายิ้มอย่างไม่ถือสาแต่ชายหนุ่มไม่ขำด้วย หญิงสาวยื่นมือไปตรงหน้า แบให้เห็นลูกแก้วเจ้าปัญหา ชายหนุ่มขนลุกซู่ มองหน้าเธออย่างเคืองๆที่รู้ทันว่าเขามาหาเพราะเรื่องนี้ กระชากเธอมาใกล้และพูดใส่หน้าอย่างเหลืออด
“บอกผมมานะครับ เจ้าเป็นใคร และเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับผม”
อำนาจที่แอบตามมามองด้วยสายตาไม่พอใจ หวงหญิงสาวแทนสุบรรณ เจ้าอุรคารับรู้ว่ามือขวาของสุบรรณลอบมองอยู่ก็ปลดมือภุชคินทร์อย่างนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาลและเดินตรงไปยังมุมที่อำนาจซุ่มอยู่
ภุชคินทร์นึกว่าเธอหลบเลี่ยงจึงตามไปฉุดข้อมือไว้ เปิดโอกาสให้อำนาจขยับไปอีกมุมอย่างรวดเร็ว เจ้าอุรคามองตามอย่างไม่พอใจ หันมามองภุชคินทร์อย่างเอาเรื่องแต่ชายหนุ่มไม่สนใจ แบมือออกตรงหน้าเธอ
“ถ้าเจ้าไม่อยากตอบคำถามผม ไม่อยากยุ่งกับผม ผมก็จะไม่ยุ่งกับเจ้า แต่ขอลูกแก้วผมคืน”
“คุณชายต้องการแค่ลูกแก้ว”
“ก็มันเป็นของผม ผมขอคืน หรือถ้าเจ้าคิดว่าเล่นกลแล้วมันเป็นของเจ้า ผมขอซื้อคืนก็ได้”
“มันเป็นของคุณชายอยู่แล้ว เก็บไว้ให้ดี เพราะกว่าจะเป็นครุฑธิการ ต้องแลกด้วยชีวิตของใครคนหนึ่ง”
เจ้าอุรคาพูดเป็นนัยเหมือนเคยแล้วหมุนตัวจากไป ภุชคินทร์ขัดใจ ต่อว่าอย่างเหลืออดเพราะไม่ชอบที่เธอพูดกำกวม ประชดแดกดันแล้วตามไปส่งลูกแก้วคืน เจ้าอุรคาขอโทษและขอร้องให้เขาเก็บมันไว้
“ทำเป็นแหวนสวมติดนิ้วไว้ เพราะครุฑธิการเม็ดนี้จะช่วยป้องกันภยันอันตรายทุกอย่างได้ค่ะ”
เจ้าอุรคาขึ้นเฮือนไปแล้ว ภุชคินทร์หัวเสียแต่ทำอะไรไม่ได้ ผลุนผลันขึ้นรถและขับออกไปอย่างหงุดหงิด
เจ้าอุรคามองตามรถชายหนุ่มจนลับตาด้วยแววตาเศร้าแล้วเปลี่ยนเป็นดุดันทันทีเมื่อหันไปมองอีกทาง...
ooooooo
อำนาจวิ่งฝ่าสวนรกชัฏกลับไปที่รถแต่หาทางออกไม่เจอ กวาดตามองรอบๆแล้วผงะ งูตัวใหญ่พุ่งมาหาและทำท่าจะฉก มือปืนหนุ่มหลบอย่างรวดเร็ว ควักปืนมายิงแต่ไม่โดนสักนัด ทั้งคนและงูสู้กันไม่ถอยจนกระทั่งเสียงปืนดังขึ้น กระสุนเจาะที่กลางลำตัวงูอย่างจัง มันกรีดร้องและกระเสือกกระสนเลื้อยหายไปในพงหญ้า
อำนาจนั่งหายใจหอบอย่างตื่นกลัว เห็นสุรินทร์ออกมาจากมุมมืดพร้อมปืนคู่ใจ สองมือปืนมองหน้ากันทึ่งๆและพากันไปขึ้นรถ อำนาจแปลกใจที่เพื่อนตามมาถูก มองสุรินทร์ด้วยสายตาดีขึ้นเล็กน้อย สุรินทร์บอกว่าแอบตามมาเพราะเป็นห่วง หรี่ตาลงอย่างเจ้าเล่ห์และพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“แกควรบอกนายสุบรรณ หลีกเจ้าอุรคาให้ไกล เพราะเธอไม่ใช่คนธรรมดา”
“ไม่ได้...นายสนใจเจ้าอุรคา อย่างที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อน”
“ทั้งเมื่อครู่และที่คาสิโน ปืนที่ฉันยิงงูพวกนั้นลงอาคม เจ้าอุรคาเกี่ยวข้องด้วยทุกครั้งที่ใช้มัน แต่ถึงเธอ จะวิเศษแค่ไหนก็เป็นแค่ผู้หญิง ของเล่นที่เราไม่ควรเสียเวลาด้วย และถ้านายสุบรรณยังเสียเวลาก็อาจหมดท่าเข้าสักวัน”
สุรินทร์พูดเหมือนหวังดีแต่นัยน์ตาแฝงนัยบางอย่าง อำนาจนิ่งเงียบ...หรือว่าเขาจะลองพูดกับเจ้านายอีกสักครั้ง
เวลาเดียวกันที่ห้องลับในเฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคาในร่างงูยักษ์เลื้อยไปนอนบนแท่นบูชาอย่างเหนื่อยอ่อน เจ็บปวดแผลที่โดนยิงแทบขาดใจ ค่อยๆกลายร่างเป็นคนและนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น รอเวลาขึ้นสิบห้าค่ำ เพื่อฟื้นฟูพละกำลังและอำนาจต่างๆให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม...
ฝ่ายภุชคินทร์ตื่นเช้าเตรียมตัวไปทำงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเพราะยังกังวลเรื่องเจ้าอุรคา พยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงเธอแต่ทำได้ไม่ดีนัก ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักเช็กดูลูกแก้วเจ้าปัญหา ยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นมันวางอยู่ที่เดิม คว้ากุญแจมาล็อกลิ้นชักไว้ เสียงมือถือดังขึ้น ภิงคารโทร. มาบอกว่ามีเรื่องด่วน ชายหนุ่มรีบออกไปทันที ลืมเก็บลูกกุญแจเสียสนิท
สายวันเดียวกันนั้น...พะนอฤดีมาหานารีวรรณที่บ้าน เม้าท์ให้ฟังเรื่องเฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีมาทานอาหารที่ร้านและวางแผนจับภุชคินทร์อย่างเป็นจริงเป็นจัง นารีวรรณเบ้หน้าด้วยความรังเกียจ ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะขัดขวางให้ถึงที่สุด พะนอฤดีปลื้มเพราะคิดว่าเพื่อนสนับสนุนแต่ต้องอึ้งเมื่อนารีวรรณบอกว่าอยากได้เจ้าอุรคามาเป็นพี่สะใภ้ พะนอฤดีนิ่งเงียบไปอย่างตกตะลึงแต่นารีวรรณไม่ทันสังเกต พูดถึงราชนิกุลสาวด้วยความชื่นชมออกนอกหน้า
“เจ้าอุรคานี่เหมาะสมกับพี่ชายที่สุด ทั้งสวยและสง่า ไม่ว่าทำอะไรก็น่ามองไปหมด ที่สำคัญ...หนูนาว่าพี่ชายก็สนใจเจ้าอุรคาอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นพี่ชายคงไม่หาเรื่องไปเจอเจ้าบ่อยๆหรอก”
พะนอฤดีทำหน้ามึนงง นารีวรรณเลยเล่าเรื่องลูกแก้วและท่าทางร้อนรนของพี่ชายเมื่อหามันไม่เจอให้เพื่อนรักฟัง พะนอฤดีถึงกับพูดไม่ออก...นี่เธอต้องเจอศึกสองด้านเลยหรือ...ทั้งเฟื่องวลีกับเจ้าอุรคา
ขณะเดียวกันที่บ้านภิงคาร...เฟื่องวลีบ่นด้วย ความเบื่อหน่ายที่แต่งตัวสวยแต่ต้องอยู่บ้าน เฟื่องฟ้าแนะ ให้ชวนภุชคินทร์ไปเที่ยว เฟื่องวลีเห็นดีด้วย ลาแม่และขอตัวไปวังนาเคนทร์ เจอกับพะนอฤดีและนารีวรรณที่มองมาอย่างไม่ต้อนรับแต่เธอไม่สนใจ ขอไปรอภุชคินทร์บนบ้าน นารีวรรณมองตามอย่างไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเกรงใจภิงคารน้าชาย พะนอฤดีหน้าเครียดแต่ค่อยๆยิ้มออกเมื่อเพื่อนรักบอกว่าพี่ชายคงกลับดึกเพราะต้องเคลียร์งานที่กระทรวง
ด้านเจ้าอุรคา...ลืมตาโพลงขึ้นจากญาณพิเศษรับรู้ ความต้องการของเฟื่องวลีและพะนอฤดี กะเผลกลงจากแท่นอย่างทุลักทุเล ชรายุเข้าช่วยพยุง เปรยเบาๆว่าอยากให้พ้นคืนแรมสิบห้าค่ำ เจ้านายสาวจะได้ฟื้นกำลังเหมือนเดิม เจ้าอุรคาบอกว่าเป็นเพราะอาวุธลงอาคมทำให้บาดเจ็บขนาดนี้ สาวใช้คนสนิทตาวาว อาสาไปล้างแค้นให้ เจ้าอุรคาห้ามไว้ พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นน่าสะพรึงกลัว
“มนุษย์พวกนั้นไม่ธรรมดา เราจะจัดการมันเอง และจะจัดการทุกคนที่มาขวางทางรักของเรา”
ชรายุมองมาด้วยความเคารพและเห็นใจ...ขอให้ความรักครั้งนี้ของเจ้านายสาวสมหวังทีเถอะ
ooooooo
เฟื่องวลีแอบขึ้นไปรอภุชคินทร์ที่ห้องนอนอย่างถือวิสาสะ กวาดตามองรอบห้องอย่างตื่นเต้นเพราะไม่เคยมีโอกาสมาก่อน หยิบจับของทุกสิ่งก่อนวิ่งไปนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงด้วยความปลาบปลื้ม พร่ำเพ้ออยู่คนเดียวถึงค่ำคืนแสนหวานที่จะมีร่วมกับชายหนุ่ม... อยากจับเขาแต่งงานด้วยคืนนี้พรุ่งนี้เสียจริงๆ
เฟื่องวลีซบหน้าลงอิงแอบแนบหมอนอย่างมีความสุข สะดุดตาลูกกุญแจที่วางบนโต๊ะข้างหัวเตียงจึงหยิบมาไขลิ้นชัก ตาโตเมื่อเห็นลูกแก้วครุฑธิการวางอยู่ หญิงสาวมองอัญมณีนั้นราวกับถูกมนต์สะกด หยิบมันลงกระเป๋าด้วยความโลภ ล็อกลิ้นชัก วางกุญแจไว้ที่เดิมและรีบ ออกจากห้องทันที เจอกับนารีวรรณกับพะนอฤดีที่ด้านล่างก็ชะงัก โดนสองสาวพูดเหน็บก็ทนไม่ไหว ยั่วกลับอย่างไม่ยอมว่าภุชคินทร์ให้ไปหาที่กระทรวงแทนเพราะงานยุ่งและผลุนผลันออกไป สองสาวเพื่อนซี้มองตาม อย่างไม่อยากเชื่อ...อย่างพี่ชายน่ะหรือจะนัดผู้หญิงไปหาที่กระทรวง
เฟื่องวลีไม่ได้คิดถึงลูกแก้วครุฑธิการที่ขโมยมาจากห้องภุชคินทร์อีกจนกระทั่งกลางดึกคืนนั้น หญิงสาวนั่งรื้อกระเป๋าหลังอาบน้ำเสร็จ มองอัญมณีแปลกตาด้วยความงุนงงว่ามาอยู่กับเธอได้อย่างไร แต่เพราะอำนาจลึกลับของครุฑธิการทำให้ชื่นชมความงามของมันด้วยความหลงใหล ก่อนหมดสติไปทั้งที่มือยังกำมันอยู่
เฟื่องวลีรู้สึกตัวอีกครั้งที่ริมน้ำโขง มองไปรอบๆ แล้วสะดุ้งสุดตัว เห็นห้วงน้ำขนาดใหญ่ที่กลางลำน้ำ ปรากฏร่างงูยักษ์มองตรงมาที่เธอด้วยแววตาแข็งกร้าว หญิงสาวกรีดร้องเสียงดัง ตั้งท่าจะวิ่งหนีแต่สะดุดเท้าตัวเองตกลงไปในน้ำ งูยักษ์เคลื่อนตัวมาหาอย่างรวดเร็ว เฟื่องวลีเตรียมหนีอีกรอบแต่ไม่ทันขยับ เห็นบางสิ่งบางอย่างหยดมาจากปากงู คล้ายน้ำลายแต่แลดูสดใสและมีประกายระยับ หญิงสาวเพ่งมองแล้วตกตะลึง จำได้ว่าเหมือนกับลูกแก้วในกระเป๋าเธอไม่มีผิด เสียงหญิงสาวที่เธอไม่รู้ว่าใคร ค่อยๆดังขึ้นในโสตประสาท บอกให้เอาลูกแก้วนั้นไปคืน เฟื่องวลีร้องกรี๊ดอย่างคนสติแตก...คืนที่ใครและคืนที่ไหน เธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
ขณะเดียวกันที่ห้องลับในเฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคา ลืมตาด้วยดวงตาเกรี้ยวกราด เจ็บใจที่ร่างกายไม่อยู่ใน สภาพจะจัดการเฟื่องวลีได้มากกว่านี้ พระจันทร์ด้านนอกเคลื่อนพ้นคืนแรมสิบห้าค่ำ เห็นเป็นเต็มดวงส่องสว่าง เจ้าอุรคาเอามือลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง บาดแผลและอาการบาดเจ็บค่อยๆเลือนหายไป หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยมาดนางพญา แววตาแข็งกร้าวด้วยเพลิงโทสะ...แล้วเราจะได้เห็นดีกันเฟื่องวลี!
เวลาเดียวกันที่บ้านภิงคาร...เฟื่องฟ้าวิ่งถลาไปที่ห้องลูกสาวด้วยความตกใจเพราะได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เฟื่องวลีสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เปิดให้แม่เข้ามาและกอดแน่นด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด
“งู...งูค่ะแม่ ตัวมันใหญ่มาก น่าเกลียดน่ากลัวเหลือเกิน”
เฟื่องวลีร้องไห้ตัวสั่น เฟื่องฟ้าส่ายหน้ายิ้มๆปลอบเสียงอ่อนว่าแค่ฝันร้าย ควรจะดีใจมากกว่าเพราะโบราณว่าฝันถึงงูจะเจอเนื้อคู่ เฟื่องวลีทึ่งในความคิดของแม่ แต่ไม่วางใจนักเพราะฝันครั้งนี้เหมือนจริงเหลือเกิน
ooooooo
นารีวรรณกระเซ้าพี่ชายเช้าวันถัดมา เพราะคิดว่าเขาแอบไปหาเจ้าอุรคาเพื่อทวงลูกแก้ว ภุชคินทร์ถึงกับสำลักน้ำเพราะโดนจู่โจมถามโดยไม่คิดมาก่อน กลบเกลื่อนด้วยท่าทีเคร่งขรึมและขอตัวไปทำงาน หม่อมภาณีมองตามขำๆ พลันนึกได้ว่าลืมขอเบอร์ติดต่อเจ้าอุรคา คว้ามือถือมาโทร.ถามจากเจ้าประกายคำแทน
เวลาเดียวกันที่สถานีตำรวจ...จ่าชิดลูกน้องไพศิษฐ์นำแฟ้มประวัติของเจ้าอุรคามาให้ตามที่ผู้กองหนุ่มเคยขอไว้เมื่อหลายวันก่อน เปิดดูไม่พบข้อมูลเพิ่มเติมแต่มีรูปถ่ายมากขึ้น จ่าชิดรายงานเพิ่มเติมว่าต้องใช้วิธีสะกดรอยตามหญิงสาวแทนการจับสัญญาณโทรศัพท์เพราะเจ้าอุรคาไม่ใช้มือถือ แถมภาพถ่ายทุกภาพก็ไม่ชัด หน้าหญิงสาวเบลอจนมองไม่ออกว่าเป็นใคร ผู้กองหนุ่มถึงกับกุมขมับ โทร.หาภุชคินทร์ให้มาเจอด่วนเพราะมีเรื่องสำคัญจะบอก
ภุชคินทร์ไปเจอเพื่อนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลัง เลิกงานวันนั้น...สองหนุ่มนั่งดูภาพและข้อมูลต่างๆในแฟ้มประวัติของเจ้าอุรคาอย่างเคร่งเครียด ภุชคินทร์ไม่อยากเชื่อเพราะยังยอมรับไม่ได้ว่าหญิงสาวเป็นพวกไม่ปกติ แต่ก็พูดไม่ออกเมื่อผู้กองหนุ่มบอกว่าคนสืบเรื่องทั้งหมดคือจ่าชิดมือดีประจำกรมตำรวจ ไพศิษฐ์คาใจเรื่องเจ้าอุรคา ที่ชอบหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและมีพฤติกรรมแปลกๆ ภุชคินทร์หน้าเจื่อน คิดเหมือนเพื่อนทุกอย่างแต่อธิบายไม่ถูก เฉไฉและตัดบทว่าไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ผู้กองหนุ่มทำหน้าแหยงๆแล้วพูดถึงหญิงสาวตามประสบการณ์
“ฉันไม่ได้ว่าเจ้าอุรคาเป็นผี แต่คิดว่ามีอำนาจ บางอย่าง ดวงตาเจ้าดุมากเลยนะ ไม่ก็มีพลังบางอย่างพอจะสะกดจิต ซึ่งในฐานะจารสตรีคุณสมบัติแบบนี้สำคัญมาก เพราะมันทำให้เจ้าสามารถบังคับใครต่อใครได้”
ผู้กองหนุ่มยกตัวอย่างสนับสนุนอย่างจริงจังว่านาถสุดากับสุบรรณต่างก็หลงใหลได้ปลื้มราชนิกุลสาวทั้งนั้น รวมทั้งเพื่อนรักด้วยที่ดูเหมือนจะมีเหตุบังเอิญ และแรงดึงดูดบางอย่างให้เกี่ยวข้องกับหญิงสาวอยู่เสมอ ภุชคินทร์เต้นผ่างเขินแต่กลบเกลื่อนด้วยท่าทีเคืองๆ ไพศิษฐ์ไม่สนใจ พูดถึงข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับหญิงสาวต่อ
“ทุกคนที่ได้ใกล้ชิดกับเจ้าอุรคาก็สนใจเธอหมด และฉันคิดว่าเธอต้องการใกล้ชิดทุกคนเพื่อล้วงความลับ”
ภุชคินทร์มองมาอย่างกังวล ต่างจากไพศิษฐ์ที่มองตอบอย่างมาดมั่น...เจ้าอุรคาไม่ธรรมดาจริงๆ
ขณะเดียวกันที่เฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคาไม่สะทก– สะท้านกับข้อสงสัยของไพศิษฐ์แม้แต่น้อย หยอกล้อกับต้นพญานาคราชอย่างอารมณ์ดีและเปรยเสียงเบาว่าต้องทำให้ผู้กองหนุ่มรู้จักเธอมากกว่านี้...และโอกาสนั้นก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด เมื่อไพศิษฐ์ขับรถไปส่งภุชคินทร์ที่วังช่วงดึกของคืนนั้น รถสีดำมันปลาบแล่นมาจอดข้างๆตอนที่ติดไฟแดง ผู้กองหนุ่มหันไปมองตามสัญชาตญาณแล้วชะงัก เห็นเจ้าอุรคานั่งอยู่ด้านใน ตั้งท่าจะทักแต่ไฟเขียวเสียก่อนจึงเร่งเครื่องตามด้วยความอยากรู้
ไพศิษฐ์ขับรถตามเจ้าอุรคาอย่างใจจดจ่อแต่ตามไม่ทัน รถสีดำของหญิงสาวเหมือนจะไกลออกไปทุกที ภุชคินทร์มองตามเครียดๆ ถามเสียงอ่อนว่าจะตามเธอทำไม ผู้กองหนุ่มบอกว่าเผื่อจะได้เบาะแสดีๆ ภุชคินทร์ส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจแต่ไม่อยากขัดเพื่อน ตามองไปข้างหน้าอย่างหงุดหงิด...สังหรณ์ใจว่าจะเจอเรื่องไม่ดี
และเรื่องไม่ดีก็เกิดขึ้นบนถนนไม่ไกลจากที่สองหนุ่มกำลังมุ่งหน้ามา...เสี่ยประเสริฐนักธุรกิจระดับเศรษฐีขับรถด้วยความเร็วสูงตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ตะโกนด่าเสียงลั่นรถใส่มือถือ
“บ้าเอ๊ย! มาด่าว่าฉันขี้โกงได้ยังไง ถ้าฉันโกงจริงๆ ให้ฉันตายโหงตายห่าตรงนี้เลย”
เสี่ยใหญ่หัวเราะลั่นรถอย่างเย้ยหยันแล้วต้องตาค้างเมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดดำโผล่มาตัดหน้ารถ เสี่ย
ร้องลั่น ก่อนหักรถพุ่งชนกับต้นไม้ข้างทางอย่างแรง
เสี่ยใหญ่เสียชีวิตทันที รู้สึกตัวอีกครั้งที่ข้างรถ มองเห็นร่างตัวเองจมกองเลือดฟุบหน้าบนพวงมาลัยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ยมนาปรากฏตัวให้เขาเห็น จังหวะเดียวกับที่บุญมีพ่อค้าข้างทางเข็นรถผ่านมาเห็น ตกใจหน้าซีดเพราะคิดว่าตัวเองเจอดีเข้าให้แล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น...ไพศิษฐ์ขับรถผ่านบริเวณที่เกิดเหตุจึงเบนรถจอดข้างทาง เห็นรถสีดำพังยับเยินอยู่หน้าต้นไม้ก็ใจเสียแล้วก็ถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นรถสีดำของเจ้าอุรคาจอดอยู่ถัดไป ไร้รอยบุบสลาย ผู้กองหนุ่มที่มีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วต้องสะดุ้ง เสียงเจ้าอุรคาดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“หวังว่าผู้กองคงไม่คิดว่าดิฉันเป็นคนขับรถชนเขานะคะ”
สองหนุ่มหันขวับอย่างตื่นตะลึง เจ้าอุรคายิ้มหวานแต่แววตากร้าวขึ้นเหมือนเป็นการท้าทาย!
ooooooo
อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 4 วันที่ 2 ก.พ. 56
ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ