@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6 วันที่ 12 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6 วันที่ 12 ม.ค. 56

จันทร์จำนงยังไม่ทันพูดอะไร พอเห็นหน้าเด็กก็ทำเอานิ่งไปด้วยความตะลึง จนพิมแปลกใจ
“เหมือนมาก หน้าเค้าเหมือนภาสันต์ตอนเด็กๆมาก”
พิมผงะ...จันทร์จำนงหันไปมองพิม
“ถึงลูกชายฉันเค้าจะไม่ยอมรับเด็กคนนี้ แต่ฉันเชื่อว่าเค้าเป็นลูกของภาสันต์ ฉันต้องขอโทษเธอแทนลูกชายฉันด้วย ฉันจะช่วยเหลือเธอกับลูกทุกอย่าง”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่คุณกำลังเข้าใจผิด นี่ไม่ใช่ลูกของคุณภาสันต์”

“อย่ามาปิดบังฉันเลย ฉันสืบประวัติของเธอมาหมดแล้ว ฉันรู้ว่าชีวิตของเธอลำบากมากตัวคนเดียว ไร้ญาติขาดมิตร ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอต้องเลี้ยงหลานฉันตามลำพังเด็ดขาด”



พิมน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
“คุณนายคะ นี่ไม่ใช่ลูกของคุณภาสันต์จริงๆ เด็กคนนี้เป็นลูกของฉัน ลูกของฉันคนเดียวค่ะ”
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร แต่เธอจะปล่อยให้ลูกเธอไปตกระกำลำบากกับเธอไม่ได้นะ”
“เค้าเป็นลูกของฉัน ฉันไม่มีทางปล่อยให้เค้าลำบากแน่ค่ะ”
จันทร์จำนงจะพูด แต่พิมรีบตัดบท
“ขอบคุณคุณนายอีกครั้งสำหรับความปรารถนาดีที่มีให้ฉัน คุณนายกลับไปเถอะค่ะ ฉันต้องให้นมลูกแล้ว”
จันทร์จำนงถอนใจบอก
“เอาเถอะ วันนี้เธอยังไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจว่าเธอคงจะโกรธลูกชายของฉันมาก แต่ฉันจะกลับมาใหม่”
พิมยกมือไหว้ จันทร์จำนงรับไหว้ พร้อมกับมองพิทยาแววตารักใคร่ก่อนจะเดินออกไป

จันทร์จำนงพูดกับป้านวลที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ
“แม่ของพิทยาเป็นผู้หญิงใจเด็ดที่สุดตั้งแต่ฉันเคยพบมา หลังจากวันนั้น ฉันก็กลับไปหาพวกเค้าอีก แต่เค้าสองคนแม่ลูกหายตัวไป ฉันเฝ้าเพียรพยายามตามหา แต่ก็ไม่เจอ นี่เป็นเรื่องที่ฉันรู้สึกผิดมาตลอดชีวิต คิดแต่ว่าถ้าเจอพวกเค้าอีกเมื่อไหร่ ฉันจะชดใช้ให้พวกเค้าทุกอย่าง แล้วสวรรค์ก็เห็นใจฉัน ในที่สุดฉันก็ได้เจอหลานของฉัน ไม่น่าเชื่อเลยนะนวล ว่าเด็กคนนั้นคือคุณพิทยา”
“แล้วคุณจะบอกคุณภาสันต์เลยรึเปล่าคะ”
“ฉันยังบอกตอนนี้ไม่ได้ ฉันรู้จักนิสัยลูกชายของฉันดี เค้าเป็นคนที่ห่วงหน้าห่วงตาในสังคมมาก เพราะฉะนั้นฉันต้องหาโอกาสดีดี ในการเปิดตัวพิทยา หลานชายของฉัน”
จันทร์จำนงสีหน้ามุ่งมั่น

ภายในห้องประชุมของมูลนิธิจันทร์จำนง พิทยากำลังคุยเครียดกับผู้รับเหมา
“ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ผมอยากให้คุณทำโรงเรือนชั่วคราว แล้วก็เอาแผ่นพลาสติกหรือผ้าใบมาคลุมปูนซีเมนต์ เพราะความชื้นจะทำให้ปูนจับเป็นก้อน พอเอามาใช้ มันจะไม่แข็งแรง พวกเหล็กเส้น เหล็กรูปพรรณ ก็ต้องทำโรงเรือนชั่วคราวด้วยเหมือนกัน ไม่งั้นขึ้นสนิมแน่”
“ได้ครับ ผมจะสั่งลูกน้องให้รีบจัดการ”
พิทยาพยักหน้า ผู้รับเหมาเดินออกไป สวนกับจันทร์จำนงที่เดินเข้ามา จันทร์จำนงมองพิทยา..แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างที่สุด
“คุณพิทยา”
พิทยาหันไปเห็นจันทร์จำนงก็ยกมือไหว้ จันทร์จำนงรับไหว้
“เร่งงานขนาดนี้ เพราะเบื่อหน้าฉันรึเปล่าห๊ะ!”
“ไม่ใช่นะครับ พอดีผมต้องไปดูงานอีกสองสามที่”
“รับงานเยอะขนาดนี้ ระวังร่างกายจะทรุดนะ”
“มันจำเป็นครับ ผมมีเวลาพิสูจน์ตัวเองให้คุณพ่อคุณแม่รวีเห็นแค่เดือนเดียว ทุกวินาทีของผมก็เลยเป็นเงินเป็นทอง ถึงจะไม่สบายก็ต้องอดทน”
จันทร์จำนงมองเห็นใจแล้วก็นึกอะไรออก
“คุณพิทยา อีกไม่กี่วันจะมีงานมอบทุนการศึกษาของทางมูลนิธิ...เชิญคุณมาด้วยนะ”
“ผมขออนุญาตดูเวลาอีกทีจะได้มั้ยครับ แล้วผมจะให้คำตอบ”
จันทร์จำนงน้ำเสียงหนักแน่น
“งานนี้ฉันอยากให้คุณมาจริงๆ ถือว่าฉันขอร้อง”
พิทยาชะงักไปมองจันทร์จำนงด้วยความสงสัย

ภายในบ้าน สุอาภาค่อยๆกะเผลกเดินออกมา
“ป้าณี ป้าณี หายไปไหนนะ”
สุอาภาพยายามเดินต่อแต่จะล้ม พิทยาพุ่งเข้ามาประคองรับเอาไว้ เธอหันไปเห็นเขาก็ชะงัก
“จะเดินไปไหน”
“จะไปเอาน้ำมาทานยา”
“ผมเอาให้ รอตรงนี้”
พิทยาพาสุอาภามานั่งแล้วก็เดินออกไป เขาเอายาให้เธอทาน
“ทำไมดูเป็นหนักกว่าเมื่อวาน”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง นายมาที่นี่ทำไม ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกนะ”
“ผมมาดูคุณ”
สุอาภาผงะแล้วก็ทำเป็นพูดกวน
“ดูว่าฉันจะตายเหรอยังน่ะเหรอ”
“ความจริงคุณน่าจะเป็นแผลที่ปากจะได้ไม่ต้องพูดมาก”
สุอาภาเอาหมอนบนโซฟาปาใส่พิทยา
“ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว!”
พิทยาเอาหมอนมาวางที่เดิม สุอาภาหยิบหมอนฟาดพิทยา
“ฉันบอกให้ออกไปไง! ไปสิ...บอกให้ออกไป ไป ไป!”
พิทยายังยืนมองนิ่ง สุอาภาจะฟาดอีก เขายกมือขึ้นมาปัดป้อง
สุอาภาฟาดไม่หยุด พิทยาสุดทนแย่งหมอนมาจากมือสุอาภา แต่เธอไม่ปล่อย สองคนยื้อกันไปยื้อ กันมาจนหมอนขาด ขนเป็ดกระจุยกระจายออกมา ติดบนหัวสุอาภากับหัวพิทยา สองคนหันมาเห็นก็ชะงัก..แล้วก็ขำก๊ากออกมาพร้อมกัน ก่อนจะค่อยๆหยุดหัวเราะ
พิทยาเอาขนเป็ดออกจากหัวสุอาภา สุอาภาใจเต้นไม่เป็นส่ำที่เค้ามาอยู่ใกล้ๆ เขากับเธอมองหน้ากัน สุอาภาหันไปเห็นภูวดลที่ยืนอยู่ก็ตกใจมาก
“คุณภูวดล”
พิทยาหันไปเห็นภูวดลก็หน้าตึง มองสองคนด้วยความสงสัย
“ผมโทรมาคุณไม่รับสาย ผมก็เลยตัดสินใจมาหาคุณที่นี่ ประตูคุณไม่ได้ล็อก ผมก็เลยเดินเข้ามา นี่ผมมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า”
สุอาภารีบลุกขึ้นยืน
“ขัดจังหวะอะไรกัน! คุณมาน่ะดีแล้ว ฉันกำลังเบื่อมาก พาฉันออกไปข้างนอกหน่อยนะคะ” สุอาภาพูดพลางปรายตามองพิทยา
“ได้สิครับ”
“เจ็บขนาดนี้ยังจะออกไปไหนอีก”
สุอาภาหันไปตวาด
“ไม่ต้องยุ่ง! คุณภูวดล ช่วยฉันหน่อยค่ะ”
สุอาภายื่นมือไปให้ ภูวดลเข้ามาประคองสุอาภาเดินออกไป พลางหันมามองพิทยาด้วยสีหน้าร้าย พิทยาเป็นกังวลห่วงสุอาภา

สุอาภามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าหวาดระแวงก่อนจะเดินเข้ามาห้องคอนโดฯหรูริมน้ำ ภูวดลปิดประตู สุอาภาสะดุ้งเล็กๆแล้วก็หันไป
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ผมเพิ่งซื้อห้องนี้เมื่อวาน ก็เลยพาคุณมาดู คุณชอบมั้ย”
สุอาภาเดินไปดูวิวแม่น้ำที่ริมหน้าต่าง
“ก็สวยดีค่ะ”
ภูวดลเดินมายืนข้างหลังแล้วกอดสุอาภาเอาไว้ โดยที่เธอไม่ทั้งตั้งตัว ทำให้สุอาภาตกใจมาก
“ถ้าคุณเบื่อ ไม่มีอะไรจะมานอนค้างที่นี่ก็ได้นะ ผมจะเอากุญแจไว้ให้” ภูวดลกระซิบที่ข้างหู
สุอาภาพยายามอดกลั้นเพราะรังเกียจมากเหลือเกิน แล้วก็รีบผละออกจากเขา พร้อมกับเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันหิวแล้ว ไหนล่ะคะอาหาร”
ภูวดลผายมือ
“เชิญทางนี้ครับ ผมให้คนเตรียมไว้แล้ว”
สุอาภารีบเดินกะเผลกนิดๆออกไป ภูวดลมองตามสุอาภาด้วยสีหน้าร้ายอย่างมีแผนในใจ

ภายในร้านอาหารของรพีพรรณ เวลากลางวัน เธอกำลังใช้ทัพพีคนน้ำซุปในหม้อ...พิทยายืนเหม่อ นึกเป็นห่วงสุอาภา เธอตักซุปขึ้นมาใส่ช้อนแล้วหันไปทางพิทยา
“พิทคะ พิท”
พิทยาได้สติหันมา รวีพรรณยื่นช้อนไปตรงหน้า
“ชิมให้รวีหน่อยสิคะ รวีไม่แน่ใจว่ามันเค็มไปรึเปล่า”
พิทยากินจากช้อนที่รวีพรรณถืออยู่
“โอเคแล้วครับ อร่อยมาก”
รวีพรรณยิ้มดีใจ พิทยายืนเหม่อต่อ
“งั้นขอชามให้รวีหน่อยค่ะ พิท...ขอชามหน่อยค่ะ”
พิทยาหันไปหยิบชามส่งให้ รวีพรรณมองพิทยาสงสัย
“พิทดูเหม่อๆตั้งแต่มาถึงแล้ว เป็นอะไรรึเปล่า”
พิทยาฝืนยิ้ม
“เปล่า”
รวีพรรณไม่เชื่อ
“ไม่จริง พิทต้องเป็นอะไรแน่ๆ บอกรวีมาเถอะค่ะ”
พิทยามองรวีพรรณอย่างลังเล

ภายในคอนโดฯ สุอาภารวบช้อน ภูวดลเงยหน้ามอง
“คุณแตอิ่มเหรอครับ ทานนิดเดียวเอง”
“ค่ะ ฉันอิ่มแล้ว”
ภูวดลลุกมานั่งข้างๆซะแนบชิด ทำเอาสุอาภาชะงัก
“คุณจะทำอะไร”
“ผมจะถ่ายรูป”
ภูวดลยกกล้องขึ้นมาแล้วยื่นหน้าไปข้างๆหน้าสุอาภา สุอาภาเกร็งมาก แล้วเขาก็หันไปหอมแก้มเธอโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะกดถ่ายแชะ! สุอาภาตกใจหันขวับ
“คุณภูวดล! คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”
“เราจูบกันมาแล้วแค่หอมแก้ม คุณจะโวยวายทำไม อ้อ..หรือว่าไม่ชอบหอมแก้ม อยากทำอย่างอื่นก็ได้นะ”
ภูวดลเอาหลังมือลูบแขนสุอาภา สุอาภารีบลุกขึ้นยืนทันที
“อย่าคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงง่ายๆ เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่คุณเคยเจอ”
ภูวดลลุกขึ้น โอบเอวเธอดึงเข้ามา สุอาภาพยายามขืนตัว
“ผมก็ไม่ได้คิดว่าคุณง่าย แต่เราคบกันอยู่ แล้วคนคบกันจะจูบ หรือจะทำมากกว่านี้ มันก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
ภูวดลเข้ามากอดและซุกไซร้สุอาภาทันที สุอาภาตกใจมากรีบผลักภูวดลออกไปอย่างแรง
“หยุดนะคุณภูวดล!”
“เนี่ยเหรอที่บอกว่าชอบผม ผมชักสงสัยแล้วนะว่าผมกำลังโดนคุณหลอกอยู่รึเปล่า”
สุอาภาหน้าถอดสีก่อนรีบเปลี่ยนท่าที
“ฉันชอบคุณจริงๆนะคุณภูวดล แต่คุณเล่นจู่โจมแบบนี้ ฉันก็ตกใจน่ะสิ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ พาฉันไปชมห้องคุณดีกว่านะ”
ภูวดลทำเป็นเชื่อสุอาภาแล้วพาเดินออกไป สุอาภาหันมาลอบถอนหายใจ ภูวดลเหล่มองเธอด้วยแววตาไม่หวังดี แล้วก็แอบกดรูปที่ถ่ายเค้าหอมแก้มสุอาภาส่งออกไป

รวีพรรณมองหน้าพิทยาหลังจากที่รู้เรื่องทุกอย่าง
“ที่คุณแตเป็นข่าวกับคุณภูวดลเพราะต้องการดึงคุณภูวดลให้ออกห่างจากรวีเหรอคะ”
พิทยาพยักหน้า แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงเมสเสจดังขึ้น พิทยาเอามือถือมากดเปิดเห็นรูปภูวดลหอมแก้มสุอาภาก็ชะงักกึก โมโหทันที
“บ้าเอ๊ย!”
รวีพรรณแปลกใจ
“พิทเป็นอะไร”
รวีพรรณเอามือถือพิทยามาดูเห็นภาพก็ชะงัก พิทยาและรวีพรรณลุกขึ้น
“ผมจะไปหาไอ้ภูวดล มันทำแบบนี้ได้ยังไง”
“แล้วพิทรู้เหรอว่าเค้าไปที่ไหนกัน”
พิทยาชะงักไป แล้วก็ร้อนรนมาก
“แล้วรวีจะให้ผมอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก รวีก็รู้”
“รวีรู้ค่ะ แต่รวีเชื่อว่าคุณแตต้องเอาตัวรอดได้แน่”
“รวีเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน ยังไงคุณแตก็เป็นผู้หญิง ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะทำยังไง”
รวีพรรณอึ้งกับอาการของพิทยาที่ทนไม่ไหวแล้วขยับตัวเดินออกไปทันที รวีพรรณงงมาก สินีนาฎเดินออกมา
“ท่าทางพิทเหมือนหึงยัยสุอาภากับคุณภูวดลเลยเนอะ เธอว่ามั้ย” สินีนาฎว่า
“พิทเค้าไม่ได้หึง เค้าแค่เป็นห่วง”
รวีพรรณพูดจบก็เดินไปทางอื่น แต่ก็อดคิดตามที่สินีนาฎพูดไม่ได้ สินีนาฎกอดอกพร้อมเบ้หน้า
“ขนาดเด็กอนุบาลยังดูออก เธอนี่มันโง่จริงๆ”
ในเวลาต่อมา พราวพิไลเอาน้ำมาให้สุอาภาที่ยังนั่งหน้าตาตื่นอยู่
“ดื่มน้ำเย็นๆให้ใจร่มๆก่อนแก โชคดีนะที่แกฉลาด เมสเสจมาบอกว่าคุณภูวดลพาแกไปที่ไหน”
“ฉันก็กลัวเหมือนกันนี่ว่าเค้าจะทำอะไร”
“แต่เค้าไม่ได้ทำอะไรแกใช่ป่ะ”
“ถ้าทำ ฉันจะมานั่งอยู่กับแกตรงนี้เหรอ”
“ระวังตัวดีดีนะแต ฉันว่าคุณภูวดลชักจะจู่โจมแกมากขึ้นแล้ว”
สุอาภาพยักหน้าแล้วก็เป็นกังวล

ภายในบ้านสุอาภา เวลาบ่าย ณีเอามือถือสุอาภามาให้พิทยา
“คุณแตไม่ได้เอามือถือไปค่ะ”
พิทยายิ่งเป็นห่วงสุอาภามากขึ้นไปอีก ไม่นานสุอาภาก็เดินกะเผลกเข้ามา พิทยาดีใจสุดๆ รีบเดินไปหาทันที เธอแปลกใจที่เห็นเขาที่นี่
“ผมเห็นรูปที่ภูวดลส่งมา เค้าไม่ได้ทำอะไรคุณใช่มั๊ย”
สุอาภาผงะ
“ฉันกับเค้ากำลังคบกัน เค้าจะกล้าทำอะไรฉัน และถึงเค้าจะทำอะไร ฉันก็เต็มใจ”
พิทยาอึ้ง สุอาภาทำไม่แยแส
“คุณหนูกลับมายังไงคะเนี่ย”
“พราวมาส่ง”
“อ้าว แล้วทำไมเป็นคุณพราวล่ะคะ”
“ไม่ต้องถามมากได้มั้ยป้า แตโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ จะซักอะไรนักหนา”
ณีหน้าเสียที่โดนหางเลขไปด้วย สุอาภามองพิทยาแล้วแกล้งทำเป็นไม่พอใจแล้วก็เดินเข้าไป พิทยาหันไปมองตามสุอาภาแล้วก็หันมาทางณี
“ป้าไปดูแลคุณแตเถอะครับ”
ณีพยักหน้าแล้วก็รีบตามสุอาภาเข้าไป พิทยาถอนหายใจโล่งอก

ในเวลากลางคืน รวีพรรณคิดหนักเรื่องพิทยากับสุอาภา
“แล้วรวีจะให้ผมอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก รวีก็รู้”
“รวีรู้ค่ะ แต่รวีเชื่อว่าคุณแตต้องเอาตัวรอดได้แน่”
“รวีเอาอะไรมาเป็นหลักประกัน ยังไงคุณแตก็เป็นผู้หญิง ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะทำยังไง”
“ท่าทางพิทเหมือนหึงยัยสุอาภากับคุณภูวดลเลยเนอะ เธอว่ามั้ย”

รวีพรรณเริ่มเครียด ระหว่างนั้นรมณีเปิดประตูเข้ามา รวีพรรณหันไป
“วันมะรืนลูกต้องไปงานมูลนิธิคุณนายจันทร์จำนงกับแม่”
รวีพรรณทำท่าจะปฏิเสธ รมณีพูดต่อ
“งานนี้ลูกต้องไป เพราะศรีพิไลมาเชิญด้วยตัวเอง”
“จนขนาดนี้แล้ว แม่ยังไม่เลิกคิดที่จะจับคู่ให้รวีกับคุณภูวดลอีกเหรอคะ”
“งานนี้คนที่ผิดคือยัยสุอาภา ไม่ใช่พ่อดล...และก็อย่าคิดว่าข้อตกลงของเราเรื่องนายพิทยาจะเป็นโมฆะ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
“แม่คะ”
“ลูกไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูด พ่อดลเล่าให้แม่ฟังว่า นังสุอาภาตามตื้อเค้าแล้วก็สร้างเรื่องให้ลูกกับพ่อดลเข้าใจผิดกัน มันพยายามจะแย่งทุกอย่างไปจากลูก ลูกอย่าไปหลงกลคิดว่ามันเป็นคนดีเชียว แม่ว่านังนี่มันต้องมีอาการทางประสาทอ่อนๆ เป็นโรคที่เห็นคนอื่นดีกว่าตัวเองไม่ได้”
รมณีพูดจบก็เดินออกไป รวีพรรณทอดถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย

ภายในห้องนอน พิทยากำลังทำงานด้วยความขะมักเขม้น...เวลาผ่านไปจากเที่ยงคืน เป็นตีหนึ่ง ตีสอง ตีสาม พิทยาก็ยังไม่นอน ทั้งๆที่เริ่มเหนื่อยและง่วง
ผ่านเวลา..พิทยาฟุบหลับบนโต๊ะ เสียงมือถือปลุก พิทยาสะดุ้งตื่นเห็นเวลาหกโมงเช้า พิทยารีบลุกเดินออกไป
ไซต์งานตอนกลางวัน พิทยาทำงาน เดินดูงาน คุยกับผู้รับเหมา กลางแดดเปรี้ยง!
เวลากลางคืน ที่ไซต์งานอีกแห่ง พิทยาตากฝนทำงาน เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ

เช้าวันถัดมา พิทยากำลังทานอาหารเช้าอยู่กับนพ บวร และวรรณวดี พิทยาดูหน้าซีดๆ ไม่ค่อยสบาย
จนนพรู้สึกเป็นห่วง
“ฉันรู้มาว่าเธอทำงานหนักมาก พักซะบ้างนะพิท ห่วงสุขภาพตัวเองก่อน”
“ครับ”
ระหว่างนั้นสุอาภาเดินออกมา พอเห็นพิทยาก็ทำเมินใส่ แล้วก็หันมากอดนพพร้อมหอมแก้ม นพยิ้ม..
“มาทานข้าวมาแต”
“ไม่ค่ะ แตมีธุระ”
“ธุระอะไร” บวรถาม
“ธุระแปลว่าเป็นเรื่องส่วนตัว”
บวรแทบสำลักข้าว
“นี่แกด่าฉันว่ายุ่งเหรอ”
สุอาภายักไหล่ไม่ตอบแล้วก็เดินออกไป อย่างไม่ใส่ใจมองพิทยา บวรฉุน
“ป๋าดูมันนะ..สงสัยกำลังเป็นช่วงมนุษย์เมนส์อยู่แน่ๆ”
พิทยายังคงมองตามสุอาภาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

พิทยากับนพเดินออกมานอกตัวบ้านด้วยกัน แต่พิทยาเกิดอาการเซ ดีที่ประคองตัวเอาไว้ได้ทัน นพหันไป
“แบบนี้จะไปงานของมูลนิธิคุณนายจันทร์ไหวเหรอ”
“ไหวครับ”
“ฉันว่าอย่าขับรถไปเองเลย เดี๋ยวฉันไปส่ง ฉันยังพอมีเวลา”
พิทยาคิดนิดนึง
“ครับ”
นพยิ้มพร้อมตบบ่าพิทยา

ภายในรถ พิทยาหันมาไหว้นพ
“ขอบคุณนะครับคุณอา”
นพรับไหว้แล้วก็พยักหน้า พิทยาเปิดประตูลงไป โดยไม่รู้ว่ามือถือหล่นอยู่ในรถ นพเองก็ไม่เห็น พอพิทยาลงไปแล้ว รถนพก็แล่นออกไป

ภายในมูลนิธิจันทร์จำนง เวลาเช้า ศรีพิไล ภาสันต์ ภูวดล ยืนอยู่กับรวีพรรณ รมณี และณรงค์
“ขอบใจหนูรวีมากนะจ๊ะที่มางานนี้” ศรีพิไลบอก
รวีพรรณยิ้มเจื่อน
“เดี๋ยวเราเข้าไปนั่งกันดีกว่า”

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 6 วันที่ 12 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager