@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 9/7 วันที่ 19 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 9/7 วันที่ 19 ม.ค. 56

“ฉันก็รีบเหมือนกัน”
บวรกับปวีณาต่างไม่ยอม แย่งกันเดินออกประตู แต่ปวีณาสู้แรงบวรไม่ไหว โดนบวรดันกระเด็นจนล้มไปบนพื้น ส้นรองเท้าส้นสูงหักหนึ่งข้าง พร้อมๆกับกระเป๋าสะพายที่กระเด็นไปคนละทาง
บวรหันมาเห็นก็ตกใจและรู้สึกผิด รีบเข้ามา บวรยื่นมือออกไป
“ฉันช่วย”
แป๋วโมโหปัดมือบวรออกอย่างแรง

“ไม่ต้องมาช่วย!”
บวรไม่พอใจ
“งั้นก็ตามใจ”
บวรไม่พอใจจ้ำเดินออกไป ปวีณาลุกขึ้นยืน แล้วก็เดินมาเก็บส้นรองเท้ากับกระเป๋าสะพายบนพื้น หันไปมองตามบวรด้วยความหัวเสีย



บริเวณลานจอดรถ พิทยาถูกอัดจนหมดสภาพ แก้มแตกมีเลือดซิปลงไปกองกับพื้น
นักเลงคนแรกดึงพิทยาให้ลุกขึ้นยืน แล้วล็อกตัวพิทยาเอาไว้ อีกคนเข้ามาอัดพิทยาอีกสองสามหมัดจนเลือดทะลักออกปาก
“พวกแกทำร้ายฉันทำไม ต้องการอะไร”
นักเลงคนแรกกระชากคอเสื้อพิทยาเข้ามา
“แกไปขัดขาใครเค้าล่ะ”
พิทยานึกไม่ออก แล้วนักเลงคนนั้นก็เอามีดสั้นออกมา พิทยาตกใจ
“นี่แค่สั่งสอน ยังไม่ใช่ของจริง”
พิทยางง ไม่เข้าใจ นักเลงคนนั้นกำลังจะแทงพิทยา แต่เสียงบวรดังขึ้น
“ทำอะไร”
นักเลงหันมาเห็นบวรก็ชะงัก บวรเห็นพิทยาก็ตกใจ
“พิท!”
บวรโมโหมากเข้ามาจัดการพวกนักเลง พิทยาทรุดลงไปกองกับพื้น บวรสู้แต่สู้ไม่ไหว ขณะที่กำลังจะพลาดท่า เสียงปวีณาก็ดังขึ้น
“ทางนี้ค่ะคุณตำรวจ!”
นักเลงสองคนตกใจนึกว่าตำรวจมาจริงๆเลยรีบวิ่งหนี บวรหันไปเจอปวีณาวิ่งมา สองคนรีบเข้าไปดูพิทยา
“พิท...พิท!”
แต่พิทยาหมดสติไปแล้ว

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล สุอาภา นพ วรรณวดีรีบเข้ามาในห้องเห็นบวรกับปวีณายืนอยู่ และพิทยาที่ยังนอนหมดสติอยู่บนเตียง มีปลาสเตอร์ปิดรอยแตกที่แก้ม มุมปากช้ำ
นพหันไปทางบวรกับปวีณา
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพิทโดนทำร้ายมากขนาดนี้”
“ผมไม่รู้ครับป๋า มาถึงก็เห็นพิทกำลังโดนซ้อม นี่ผมให้รปภ.เช็กจากกล้องวงจรปิดอยู่เผื่อจะเห็นหน้าพวกมัน แล้วจะได้ตามถูกว่าเป็นใคร”
วรรณวดีแปลกใจ
“ที่ผ่านมาบริษัทเราไม่เคยมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเลยนะคะ”
นพกังวลใจ สุอาภาหันมาทางบวร
“หมอว่าพิทเป็นยังไงบ้างคะ”
“ปลอดภัย มีแค่รอยฟกช้ำภายนอก แต่ให้รอดูอาการที่โรงพยาบาลซักวันสองวันก่อน”
สุอาภาหันมาจับมือพิทยาด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก ปวีณาเห็นความห่วงใยของสุอาภาที่มีต่อพิทยาก็ได้แต่เศร้าใจ

ภายนอกโรงพยาบาล ปวีณากำลังรอรถ ไม่นานบวรก็ขับรถมาจอด ปวีณาแปลกใจ บวรลงจากรถเดินมาหา
“รอรถเหรอ”
“ค่ะ”
บวรหลุบตามองรองเท้าเธอที่มีส้นข้าง ไม่มีส้นข้าง
“ใส่รองเท้าแบบนี้คงกลับบ้านไม่ถนัด ฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไร”
“ให้ฉันไปส่งเถอะหน่า ถ้าไม่ได้เธอโกหกพวกมันว่าตำรวจมา ฉันคงโดนเล่นงานไปด้วยอีกคน ถือเป็นคำขอบคุณแล้วกัน”
บวรอึกอักพูดแบบไม่ค่อยมองหน้าเธอ ปวีณามองๆบวรแล้วก็ตัดสินใจขึ้นรถ บวรสบายใจแล้วก็ขึ้นรถขับออกไป

เวลากลางคืน ภายในคอนโดฯ ภูวดลกำลังคุยโทรศัพท์
“พวกแกทำดีมาก”
ภูวดลวางสาย สีหน้าพึงพอใจสุดๆ

เวลากลางคืน ภายในโรงพยาบาล สุอาภายังคงนั่งจับมือพิทยาเฝ้าอยู่ไม่ห่างจากเตียง ไม่นานพิทยารู้สึกตัว เธอดีใจมาก
“พิท”
“คุณแต”
พิทยาจะลุกขึ้นนั่ง แต่เจ็บปวดไปทั้งตัว
“นายจะเอาอะไร ฉันเอาให้”
“ผมหิวน้ำ”
สุอาภารีบเทน้ำใส่แก้วแล้วเอาหลอดใส่ก่อนจะให้พิทยาดื่ม พิทยาดื่มเสร็จ สุอาภาเอาแก้ววางบนโต๊ะ
“นายรู้รึเปล่าว่าคนที่ทำร้ายนายเป็นใคร”
พิทยาส่ายหน้า
“ผมไม่รู้ อยู่ดีดีพวกมันก็เข้ามาทำร้ายผม ถามว่าผมไปขัดขาใครเค้ารึเปล่าแต่ผมนึกไม่ออก”
สุอาภาสีหน้าแย่ฟังแล้วก็รู้สึกไม่สบายจนพิทยาจับความรู้สึกได้
“คุณแตเป็นอะไรครับ”
สุอาภาหันมา
“ฉันเป็นห่วงนาย”
พิทยาอึ้งเพราะเห็นถึงห่วงใยที่ส่งผ่านทางสายตา
“ครั้งนี้นายโชคดีที่พี่ใหญ่มาช่วยได้ทัน แต่ถ้าเกิดครั้งหน้า นายไม่ได้โชคดีอย่างนี้ล่ะ เกิดนายโดนหนักมากกว่านี้ ฉันจะทำยังไง”
สุอาภาน้ำตาไหล ตัวสั่นด้วยความกลัว...พิทยายกมือเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะกุมมือสุอาภาแน่น
“ผมจะระวัง...ไม่ให้เป็นอะไรเด็ดขาด”
“นายพูดแล้วนะ ถ้านายผิดคำพูด นายเจอฉันเล่นงานแน่”
พิทยายิ้ม
“ถ้าผมจะโดนทำร้ายอีกครั้ง คงเป็นฝีมือคุณมากกว่า”
สุอาภาชะงักแล้วก็ยิ้มออกมา ทั้งคู่ยิ้มให้กัน

รุ่งขึ้น ที่นพ อาร์คิเทค รวีพรรณเดินหน้าบานเข้ามา แต่เห็นบวรกำลังยืนคุยกับหัวหน้ารปภ. รวีพรรณกำลังจะเดินมาทัก
“ผมพยายามดูหน้าคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ตอนที่พวกมันรุมทำร้ายคุณพิทยา...”
รวีพรรณชะงักที่ได้ยินชื่อ “พิทยา” เลยหยุดเดินแล้วยืนฟัง
“แต่ผมไม่เห็นเลยครับเพราะตรงนั้นเป็นมุมอับพอดี”
บวรหัวเสียบอก
“ให้มันได้อย่างนี้สิ แล้วตรงนั้นไม่มีกล้องตัวอื่นอีกแล้วเหรอ”
“ไม่มีครับ”
บวรเซ็งมาก
“ไปทำงานต่อได้แล้วไป”
หัวหน้ารปภ.เดินออกไป บวรเดินไปอีกทางโดยที่ไม่เห็นรวีพรรณ รวีพรรณยืนนิ่งอย่างครุ่นคิด นึกย้อนกลับไป
“แล้วคุณจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับผม”
รวีพรรณกำมือแน่นด้วยความโมโหเมื่อคิดได้ว่าเป็นฝีมือภูวดล

ภูวดลเปิดประตูคอนโดฯมาเจอรวีพรรณยืนอยู่ก็ไม่แปลกใจซักนิด
“ฝีมือคุณใช่มั๊ย”
ภูวดลทำหน้ายียวน
“พูดอะไร”
“คุณส่งคนไปทำร้ายพิทใช่มั๊ย”
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นผม”
“เรื่องชั่วๆแบบนี้มีคุณคนเดียวที่ทำได้!”
“แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าไอ้พิทยามันอาจจะไปขวางหูขวางตาใครคนอื่นเค้าก็ได้”
“พิทไม่ใช่คนแบบนั้น อย่าเล่นสกปรกอีก”
“ถ้าไม่อยากเห็นมันเจ็บมากกว่านี้ ก็อย่ากลับไปยุ่งกับมันอีก นี่แค่บทเรียนบทที่หนึ่ง คุณก็เห็นแล้วว่าผมไม่ได้ดีแต่พูด และหวังว่าเย็นนี้เราคงจะได้ไปลองชุดแต่งงานด้วยกัน อย่าให้ผมต้องรอเก้อเป็นครั้งที่สอง”
รวีพรรณพูดไม่ออก ภูวดลยิ้มมุมปาก แล้วปิดประตูใส่หน้าเธอดังปัง!! รวีพรรณกำมือแน่นด้วยความโมโหสุดๆ ที่ทำอะไรไม่ได้

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล สุอาภาเข็นโต๊ะที่วางอาหารมาตรงหน้าพิทยา ก่อนจะเอาหมอนหนุนหลังพิทยาเพื่อให้นั่ง พิทยายกแขนตักข้าวกิน แต่ไม่ถนัดเพราะยังเจ็บอยู่
“ฉันป้อนนายเอง”
พิทยาหันไปมองสุอาภาอย่างรู้สึกดี... เธอบรรจงเป่าข้าวให้พิทยาแล้วก็ป้อน เขาเอาแต่มองหน้าเธอเลยไม่ได้กิน สุอาภาแปลกใจ
“ทำไมไม่ทาน”
พิทยาผงะ นึกขึ้นได้ก็ยิ้มๆ แล้วก็กินข้าวที่สุอาภาป้อนด้วยสีหน้ามีความสุข
สุอาภาตักอาหารไปก็พูดไป
“ทานหมูหน่อยนะ โปรตีนจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ”
สุอาภาตักหมูทอดป้อน พิทยากินไปยิ้มไป..ระหว่างนั้นนพ วรรรวดี ณีเปิดประตูเข้ามาเห็นเธอกำลังป้อนข้าวก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม พิทยากับสุอาภาหันไปเห็นทุกคนก็ชะงัก
“คุณท่านขา สงสัยซุปตุ๋นไก่ดำของป้าจะเป็นหมันแล้วล่ะค่ะ เพราะดูท่าทางคุณพิทจะได้ยาบำรุงดีดีจากคุณหนูซะแล้ว”
นพกับวรรณวดีอมยิ้ม สุอาภากับพิทยาเขิน สุอาภารีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่มีอะไรสู้ฝีมือต้มน้ำซุปของป้าณีได้หรอกค่ะ เดี๋ยวแตเอาให้พิททานเลย”
สุอาภารับกระติกใส่น้ำซุปมาวางบนโต๊ะ..เปิดฝา..เทน้ำซุปใส่ในฝา
“ค่อยๆดื่มนะพิท ระวังร้อน”
นพ ต่าย ป้าณีหันมายิ้มให้กันอย่างรู้สึกดีกับภาพตรงหน้า แต่ความสุขมักสั้นเสมอ เมื่อภาสันต์กับทาคาโน่เปิดประตูเข้ามา ทุกคนในห้องต่างชะงักกันไป แต่จำต้องยกมือไหว้ภาสันต์กับทาคาโน่ ยกเว้นนพ
ภาสันต์เห็นพิทยาเจ็บหนักก็ปรากฎความสะใจในแววตา
“เห็นบอกว่าโดนคนทำร้าย ไม่นึกจะว่าหนัก”
พิทยาเงียบ

“จริงๆฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่ถ้ามันมีผลกระทบกับงาน ก็คงต้องยุ่ง คุณมีศัตรูที่ไหนรึเปล่าถึงโดนจัดหนักขนาดนี้”
นพรีบตอบ
“พิทเป็นคนดี ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ถ้าจะมีก็มีอยู่คนเดียว”
นพจ้องหน้า ภาสันต์ไม่พอใจเพราะรู้ว่านพหมายถึงเขา
“หาตัวคนที่ทำร้ายได้เหรอยัง” ทาคาโน่ถาม
“ยังค่ะ”
ทาคาโน่สีหน้าดูจะเป็นกังวล
“คุณเจ็บขนาดนี้จะทำงานให้ผมไหวเหรอ ดูจากบาดแผลคงต้องพักฟื้นอีกนานกว่าจะหาย”
“ผมทำไหวครับ”
ภาสันต์ได้ทีรีบพูด
“ถ้าไม่ไหวก็บอกกันตรงๆ ฉันจะได้หาคนอื่น อย่ากั๊กงานเอาไว้เพราะเวลาของฉันเป็นเงินเป็นทอง ถ้าเลทไปวันนึงก็เสียหายหลายล้าน”
นพกับพิทยามองภาสันต์อย่างรู้ทัน พิทยาไม่พอใจที่ภาสันต์ดูถูก เขายืนยัน
“ผมทำไหวจริงๆครับ กำหนดส่งงานยังคงเป็นกำหนดเดิม ขอให้คุณทาคาโน่เชื่อมั่นในตัวผมเถอะนะครับ”
ทาคาโน่เงียบ ภาสันต์คิดว่าทาคาโน่ต้องปฏิเสธแน่ แต่...
“ตกลง ผมเชื่อคุณ”
ภาสันต์อึ้งถึงกับทำหน้าไม่ถูก ส่วนคนอื่นๆหันมายิ้มให้กันด้วยความดีใจ

บริเวณหน้าห้องพัก ภาสันต์ออกมาโวยวายกับทาคาโน่
“ถ้าเกิดเค้าทำไม่ได้อย่างที่พูด เราไม่เสียเวลาไปอีกเหรอ ไหนคุณว่าอยากให้การก่อสร้างเริ่มภายในสองเดือนนี้ไง”
“ผมเชื่อในสายตาของผมว่าคุณพิทยาทำได้”
“ถ้าเค้าทำไม่ได้ขึ้นมา ผมจะถือว่าคุณผิดข้อสัญญาของเรา และคุณจะต้องชดใช้”
ภาสันต์พูดแบบถือไพ่เหนือกว่าแล้วก็เดินออกไป ทาคาโน่มองตามภาสันต์ด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ

ภายในร้านเวดดิ้ง เวลาเย็น รวีพรรณในชุดเจ้าสาวเดินออกมาทำเอาภูวดลตะลึงไปเล็กน้อย รมณีกับศรีพิไลที่มาด้วยถึงกับปรบมือและยิ้มด้วยความชอบใจ
“หนูรวีสวยเหมือนเจ้าหญิงไม่มีผิด ลูกว่าอย่างนั้นมั๊ย” ศรีพิไลบอกพลางหันไปถามภูวดล
“ครับ คุณรวีสวยมาก”
รวีพรรณหันไปมองภูวดลอย่างไม่พอใจ
“แม่ว่าลูกสองคนถ่ายรูปคู่กันซักหน่อยดีกว่า ถือเป็นพรีโฟโต้เวดดิ้ง”
รวีพรรณจะปฏิเสธ แต่ภูวดลรีบแย่งพูด
“ตกลงครับ”
ภูวดลเข้ามาโอบเอวรวีพรรณดึงมาชิดติดตัว รวีพรรณหันไปมองอย่างไม่พอใจ แต่ไม่กล้าทำอะไร...รมณีกับศรีพิไลปลาบปลื้มมาก ภูวดลยื่นหน้าไปใกล้หน้ารวีพรรณจนจมูกแทบจะโดนแก้ม รวีพรรณขยะแขยงมากแต่ต้องอดกลั้น
“ยิ้มหน่อยสิลูก” รมณีบอก
รวีพรรณต้องฝืนยิ้ม...ภูวดลหันไปมองหน้ารวีพรรณแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ รมณีถ่ายรูปว่าที่คู่บ่าวสาวแชะ!!!

รวีพรรณเข้ามาในห้อง … รู้สึกรังเกียจตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองกระจกด้วยความโมโหที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบภูวดล

รวีพรรณเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมาได้ยินภูวดลคุยกับศรีพิไล
“แม่ขอบใจลูกมากนะที่เสียสละเพื่อคุณพ่อ”
รวีพรรณได้ยินเลยหยุดยืนแล้วแอบฟัง
“ถ้ามันจะทำให้พ่อเห็นผมมีค่าในสายตาขึ้นมาบ้าง ผมก็ยอม แต่แม่ครับ หลังจากที่คุณย่าให้ที่ดินกับผมเป็นของขวัญแต่งงาน และผมโอนเป็นชื่อคุณพ่อเรียบร้อย ผมก็หย่ากับคุณรวีได้ใช่มั๊ยครับ”
รวีพรรณฟังแล้วก็อึ้งที่ได้รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมภูวดลถึงต้องการแต่งงานกับเธอนัก
“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยว่ากันเถอะนะลูกนะ”
ภูวดล ศรีพิไลเดินออกไป รวีพรรณออกมาจากที่ซ่อนฉายแววตาร้ายกาจเพราะนึกอะไรออก

ภายในห้องพักในโรงพยาบาล พิทยานั่งบนเตียง...พยายามจะทำงานแต่ทำไม่ได้ เพราะไม่สบายตัว
สุอาภาออกมาจากห้องน้ำเห็นพิทยาก็มองอย่างเห็นใจ
“ถ้านายยังคิดไม่ออก ก็นอนพักเถอะ”
“ไม่...ผมจะไม่ยอมเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว”
“แต่...”
“ยังไงผมก็ต้องทำ คุณก็เห็นว่าคุณภาสันต์พยายามจะกันผมออกจากโปรเจกต์นี้ ผมไม่มีวันยอมแพ้เค้าเด็ดขาด ผมต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ”
“นายจะเอาชนะเค้าไปเพื่ออะไร”
พิทยานิ่งไป

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 9/7 วันที่ 19 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager