@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนอวสาน[3] วันที่ 3 ส.ค. 57

อ่านละคร รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนอวสาน[3] วันที่ 3 ส.ค. 57

แพรวดาวกอดทาเคชิแน่นขึ้น ราวกับกลัวว่าเขาจะจากเธอไปอีก ริวถูกแพรวดาวสวมกอดด้วยความดีใจ เพราะเข้าใจว่าเขาคือทาเคชิ ริวอึ้ง อาการเศร้าเสียใจของแพรวดาวบีบคั้นหัวใจเขาอย่างแรง
“โซเรียวตายแล้ว ทำใจซะเถอะนะครับ”

มายูมิ มิโยะโกะ อายะโกะ ฟุมิโกะ มาซาโกะน้ำตาไหลพราก เศร้าที่เห็นแพรวดาวในสภาพยอมรับความจริงไม่ได้ขนาดหนัก มายูมิเรียกเบาๆ
“พี่เซโกะ...”
แขกทุกคนในงานต่างสงสารแพรวดาว ถึงกับเมินหน้าทนดูไม่ได้ แพรวดาวยังคงกอดริวแน่น สะอื้นไห้อย่างคนดีใจและขวัญเสีย ยิ่งทำให้บรรยากาศในพิธีศพโศกเศร้าและหดหู่เป็นอย่างมาก


สวนหลังบ้านโอะนิซึกะ...ริวหนีมายืนอยู่ในสวนคนเดียว สีหน้าเครียด กดดันและหดหู่มาก หลังจากเห็นความทุกข์ทรมานใจของแพรวดาว มายูมิเดินมาหาริว
“แขกกลับกันหมดแล้ว ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะคะ”
ริวพยายามสกัดกลั้นอารมณ์เศร้า ข่มความรู้สึกเจ็บปวด ไม่อยากอ่อนแอต่อหน้ามายูมิ
“โอคุซังเป็นยังไงบ้าง”
“พี่มิโยะโกะให้พี่เซโกะทานยาคลายเครียดที่คุณหมอจัดไว้ให้...ป่านนี้คงจะหลับไปแล้ว”
มายูมิมองริวด้วยความเป็นห่วง สองจิตสองใจก่อนเอ่ยปาก
“ฉันเป็นห่วงคุณนะคะริว”
“ถ้าคนที่นอนอยู่ในโลงคือผม คุณจะรู้สึกยังไง”
จู่ ๆ ริวก็หันมาถาม มายูมิอึ้งไปเล็กน้อย ไม่ทันตั้งตัว
“อย่าพูดเป็นลางอย่างนี้สิคะ”
“ทุกชีวิตหนีไม่พ้นความตาย แต่ผมอยากรู้ว่าถ้าผมตาย...”
มายูมิรีบเอามือปิดปากริวทันที
“คุณตายไม่ได้...เพราะฉันจะเสียใจไม่ต่างจากพี่เซโกะ”
ริวสบตามายูมิ อึ้ง...รับรู้ความรู้สึกที่มายูมิมีต่อเขาผ่านสายตาที่ฉายแววห่วงใยนั้น ทั้งสองสบตากันและกัน ต่างคนต่างรักกัน แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากเผยความในใจตรง ๆ จู่ ๆ ริวก็หลบสายตามายูมิ สับสนกับความรู้สึกตัวเองตอนนี้ ทำให้มายูมิเข้าใจว่าเขาเครียดและเสียใจเรื่องทาเคชิ
“พี่เซโกะและโอะนิซึกะทุกคนต้องการคุณ...เข้มแข็งนะคะ ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้คุณเสมอ”
“ขอบคุณครับ”

ริวยิ้มนิด ๆ ขอบคุณมายูมิ ทั้งที่แววตารู้สึกว้าวุ่น ไม่เข้าใจตัวเอง
หลายวันต่อมา...แพรวดาวเก็บเสื้อผ้า ของใช้ ใส่กระเป๋าเดินทางด้วยสีหน้าอมทุกข์ หมองเศร้ามาก อายะโกะ ฟุมิโกะคอยช่วยเก็บของ เศร้าเสียใจ ไม่อยากให้แพรวดาวจากไป
“โอคุซังจะทิ้งพวกเรากลับเมืองไทยจริงเหรอคะ” ฟุมิโกะถามเสียงเศร้า
อายะโกะพยายามท้วง
“น่าจะอยู่รักษาตัวให้แข็งแรงกว่านี้ก่อน”
“ฉันอยากลืมทุกอย่างที่นี่”
แพรวดาวพยายามข่มความเจ็บปวด กลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหลทั้งที่หัวใจแหลกสลาย ชอกช้ำเกินเยียวยา อายะโกะกับฟุมิโกะ เข้าใจ จึงไม่กล้าเซ้าซี้อีก คัตสึเลื่อนประตูเปิดออก แล้วก้มศีรษะเคารพแพรวดาว
“คุณริวเชิญโอคุซังไปพบครับ”
แพรวดาวพยักหน้ารับรู้ ราวกับหุ่นยนต์ ไม่แปลกใจสงสัยว่าเรื่องอะไร

โถงบ้านโอะนิซึกะ...ริวเลื่อนซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับแพรวดาว ต่อหน้าโคจิ คาซูมะ มาซาโตะ ที่นั่งเป็นพยาน
“ทาเคชิแอบทำพินัยกรรมกับคุณอามาซาโตะ เขาต้องการยกสมบัติทั้งหมดของเขาให้กับโอคุซัง”
แพรวดาวเงยหน้ามองริว ตกใจ อึกอักที่จะรับ
“ฉันยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับทาเคชิเลยนะคะ”
มาซาโตะพูดขึ้น
“ข้อนั้นผมรู้ดี ผมเป็นคนที่เซ็นเป็นพยานในพินัยกรรมฉบับนั้น”
แพรวดาวมองมาซาโตะ คาซูมะ โคจิ นึกเอะใจว่าทั้งสามคงรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ริวมองแพรวดาว
“อีกไม่กี่เดือนโอคุซังก็จะเรียนจบ พวกเรายินดีดูแลโอคุซังต่อไป”
“ถ้าไม่มีหัวใจ เราจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง หัวใจของฉัน...ตายไปพร้อมกับทาเคชิแล้ว”
แพรวดาวน้ำตาร่วง ลุกออกไปเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ ริวมองตามยิ่งสงสาร
“ความรักทำร้ายชีวิตคน ๆ หนึ่งได้ขนาดนี้เชียวเหรอ”
โคจิถอนใจ
“ความรักเหมือนดาบสองคม คมหนึ่งนั้นหอมหวาน อีกคมหนึ่งเจ็บปวด”
ริวครุ่นคิดตามโคจิ จนย้อนนึกไปถึงคำพูดของมายูมิก่อนหน้านี้
“ทุกชีวิตหนีไม่พ้นความตาย แต่ผมอยากรู้ว่าถ้าผมตาย...”
มายูมิรีบเอามือปิดปากริวทันที
“คุณตายไม่ได้...เพราะฉันจะเสียใจไม่ต่างจากพี่เซโกะ”
ริวหน้าเครียดขึ้น กำลังตัดสินใจบางอย่าง

วันใหม่...บนเครื่องบินที่กลับเมืองไทย แพรวดาวนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง สายตาเหม่อมองไปที่ริมหน้าต่างอย่างเศร้าสร้อย ยังคงตัดใจจากทาเคชิไม่ได้ เธอหันมามองที่ที่นั่งด้านข้างตัวเองที่ว่างเปล่า น้ำตาไหลรินคิดถึงทาเคชิ
“ทาเคชิ...คุณเคยบอกว่าจะกลับเมืองไทยด้วยกัน ฉันคิดถึงคุณ”
แพรวดาวพิงพนักที่พัก หลับตาเหมือนต้องการจะทำใจให้ยอมรับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอค่อยๆ เปิดตาขึ้นมอง เห็นภาพทาเคชินั่งอยู่ที่ด้านข้างตัวเอง กำลังยิ้มให้เธอเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้อย่างแนบแน่น แพรวดาวชะงักไปนิดหนึ่งแต่แล้วภาพทาเคชิก็เลือนหายไป...มันเป็นแค่ความฝันที่เธออยากให้เขากลับมาเมืองไทยด้วยกัน แพรวดาวร้องไห้น้ำตาไหล เต็มไปด้วยความเศร้าภายในจิตใจที่ยังทำใจไม่ได้

ริวยืนอยู่ในสวนหน้าบ้านทากาฮาชิ...มายูมิเข้ามาด้วยความดีใจ
“ทำไมไม่เข้าไปรอในบ้านล่ะค่ะ”
“เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว”
ริวหันมาใบหน้าเรียบ นิ่งมาก มายูมินึกแปลกใจ
“ฉันนึกว่าคุณจะมารับฉันออกไปไหน หรือมีธุระด่วน”
“เรื่องของเรา...” ริวชะงักนิดหนึ่ง ลำบากใจที่จะพูด
“คะ”
“ตอนนี้สถานการณ์หลายอย่างเปลี่ยนไป เราต่างมีหน้าที่ต้องทำให้สำเร็จ คุณต้องเตรียมตัวเพื่อสอบเรียนแพทย์อย่างที่ฝัน ส่วนผมต้องรับหน้าที่เป็นผู้นำของบ้านโอะนิซึกะต่อจากทาเคชิ”
“ฉันมั่นใจว่าคุณจะเป็นโซเรียวที่มีความสามารถ ฉันพร้อมจะเป็นกำลังใจเคียงข้างคุณ”
“แต่ผมต้องการทุ่มเททุกอย่างให้กับหน้าที่ที่สำคัญ...ผู้นำของโอะนิซึกะ”
มายูมิหรี่ตามองริว เริ่มเอะใจว่าริวต้องการจะบอกอะไรเธอกันแน่
“ไม่มีใครรู้อนาคต...แต่ถ้าคุณเจอใครที่พร้อมจะดูแลคุณได้เต็มที่ ผมอยากให้คุณลองเปิดใจ”
มายูมิอึ้ง
“หมายความว่ายังไง”
“ชีวิตและหัวใจของผม...มอบให้กับโอะนิซึกะหมดแล้ว”
ริวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา มายูมิอึ้ง เสียใจ ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยิน

“คุณมาหาฉัน เพื่อจะบอกแค่เรื่องนี้เหรอ”
ริวพยักหน้ารับ นิ่งมาก มายูมิโกรธเงื้อมือจะตบแล้วจู่ ๆ ก็ชะงัก เปลี่ยนใจ
“หน้าที่และเกียรติของคุณยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะแตะต้อง ขอบคุณที่พยายามรักษาสัญญาของผู้ใหญ่ ฉันจะรีบส่งข่าวให้คุณทราบทันทีที่เจอหัวใจตัวเอง เราจะได้หลุดพ้นจากพันธะจอมปลอมนี่เสียที”
มายูมิกระชากสร้อยที่ริวเคยให้ ชูขึ้นช้าๆ แล้วทิ้งลงต่อหน้าเขา มายูมิหมุนตัวเข้าบ้านทั้งน้ำตาด้วยความเสียใจ ริวก้มเก็บสร้อยขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด เขาเจ็บปวดมาก แต่ได้เลือกแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไป...ริวขึ้นรับตำแหน่งโซเรียวแห่งบ้านโอะนิซึกะ ท่ามกลางความเคารพของโคจิ และเหล่าลูกน้องโอะนิซึกะทุกคน
มายูมิคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบที่กองอยู่เต็มโต๊ะจู่ ๆ ก็น้ำตาไหล เธอปาดน้ำตามุ่งมั่นอ่านหนังสือเตรียมสอบต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้

ริวคอยสั่งงานอยู่ที่คลังสินค้า หน้าตาเคร่งเครียดมาก งานวุ่นตลอดเวลา
มายูมิอยู่ในห้องสอบพร้อมกับนักเรียนคนอื่น ท่าทางเธอเอาจริงเอาจัง ตั้งใจทำข้อสอบมาก

หลายเดือนต่อมา...หน้ามหาวิทยาลัยแพทย์ มายูมิกับเพื่อนต่างพากันดีใจ หลังจากรู้ผลสอบ
“พวกเราสอบติดแพทย์กันทุกคน ดีจัง...เวลาเรียนจะได้ไม่เหงา” เพื่อนบอกอย่างดีใจ
เพื่อนหันมาชื่นชมมายูมิ
“มายูมิเก่งมาก ทำคะแนนได้เป็นอันดับหนึ่งของคณะ”
มายูมิยิ้มๆ
“วันนี้พวกเราจะไปฉลองที่ไหนดี”
สองเพื่อนสาว พยายามช่วยกันคิด ขโมยคนหนึ่ง เดินปะปนมากับกลุ่มนักศึกษา จู่ ๆ ก็กระชากกระเป๋าถือของเพื่อนมายูมิวิ่งหนีไป
“ว้าย...กระเป๋าฉัน”
“หยุดนะ”
มายูมิวิ่งไล่ตามโจรวิ่งราวกระเป๋าไป ท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนสาว และคนบริเวณนั้น
“ฉันบอกให้หยุด”
ชายคนหนึ่ง ปราดเข้ามาขวางโจรขโมยกระเป๋า เขาคือ ยูจิ นักเรียนนายร้อยตำรวจจบใหม่ โจรยกขาถีบแต่ยูจิไม่เสียหลัก หมุนตัวแล้วตวัดขาเตะโจรจนเซไปทางหนึ่ง กระเป๋าหลุดมือกระเด็นไปอีกทาง มายูมิวิ่งมาเก็บกระเป๋าให้เพื่อน ยูจิพุ่งเข้าแลกหมัดกับโจรอย่างดุเดือด สักพักโจรกระชากมีดที่ซ่อนอยู่ออกมาตวัดโดนมือยูจิจนเป็นแผล เลือดซึมออกมาเล็กน้อย มายูมิตกใจ
“ระวังค่ะ”
ยูจิกกระโดดตัวลอย เตะเข้าที่ข้อมือของโจรเต็มแรง มีดหลุดจากมือ ยูจิหมุนตัวเตะเสยเข้าที่ปลายคางโจรอย่างสวยงาม โจรหมุนตัวลอยเคว้งหลับกลางอากาศ ล้มคว่ำไปอีกทาง มายูมิรีบเข้าไปหาประคองมือที่บาดเจ็บของยูจิขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“คุณบาดเจ็บ...”
ยูจิเงยหน้าขึ้นมามองมายูมิ อึ้ง ตะลึง รู้สึกถูกใจมายูมิตั้งแต่แรกเห็น

ในห้องพยาบาล...ยูจิได้รับการทำแผลจากพยาบาล โดยมายูมิยืนดูอย่างใกล้ชิด พยาบาลตัดเทปพันแผลเสร็จ
“คงต้องหมั่นล้างแผลบ่อยๆ นะคะ”
“ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล”
พยาบาลยิ้มรับคำ เก็บอุปกรณ์ทำแผลเดินออกไป มายูมิมองหน้าเขา
“คุณต้องได้รับบาดเจ็บเพราะเข้ามาช่วยฉันแท้ๆ ต้องขอบคุณมากนะคะ”

อ่านละคร รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ตอนอวสาน[3] วันที่ 3 ส.ค. 57

ละครรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ประพันธ์โดย : ณารา
ละครรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน บทละครโดย : คฑาหัสต์ บุษปะเกศ, จีรนุช ณ น่าน
ละครรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน กำกับโดย : กฤษณ์ ศุกระมงคล
ละครรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ผลิตโดย : ค่าย เมคเกอร์ วาย,บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ละครรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ดำเนินงานโดย : ยศสินี ณ นคร
ละครรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ออกอากาศ : ทุกวันพุธ-พฤหัส เวลา 20.15 น.ช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ